วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

นิทานสอนใจ ยอดเขายายกับตา

frog-897419_1280

วันศุกร์เช่นเคยนะครับ ผมเอานิทานสอนใจดีๆ มาให้อ่านอีกเรื่องหนึ่ง ก็เป็นของ ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยาอีกเช่นเคยครับ ในหนังสือชุด นิทานสีขาว ของสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ครับ


กบฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ที่เชิงเขายายกะตา ตามตำนานของฝูงกบเหล่านี้เล่าว่า ยอดเขายายกะตาเป็นยอดเขาที่ศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับกบ หากกบตัวใดสามารถปีนขึ้นไปถึงยอดเขายายกะตาได้ ก็จะพบกับความสุขสมบูรณ์ มีแมลงรสอร่อยกิน ไม่อดอยากไปจนตลอดชีวิตการเป็นกบ

แต่กระนั้นก็ตาม การปีนขึ้นเขาก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับกบ ดังนั้นจึงยังไม่เคยมีกบตัวใดลองพิสูจน์ตำนานนี้ดูสักที แล้ววันหนึ่ง ฝูงกบเกิดนึกสนุกชวนกันแข่งขันปีนขึ้นยอดเขายายกะตา ใครไปถึงยอดเขาเป็นตัวแรก นอกจากจะเป็นสิริมงคลแก่ตนตามตำนานแล้ว ยังจะได้รับรางวัลสุดยอดกบจากเพื่อน ๆ อีกด้วย

เมื่อถึงเวลา กบทุกตัวก็เริ่มปีนขึ้นเขาพร้อมกัน กบตัวที่แข็งแรงกว่าสามารถแซงเพื่อนตัวอื่น ๆ ขึ้นไปอยู่แถวหน้าได้ แต่ปีนไปได้เพียงครึ่งทาง พวกมันก็เริ่มถอดใจ ทนความเหนื่อยล้า และความลำบากไม่ได้

"ข้าเหนื่อย ข้าไปไม่ไหวแล้ว" กบตัวที่แข็งแรงที่สุดว่า

"ข้าก็เหมือนกัน เมื่อยแข้งเมื่อยขาไปหมด อยากกลับบ้านเสียจริง" กบอีกตัวบอก ตัวอื่น ๆ จึงพากันเสริมเป็นการใหญ่

"นั่นน่ะสิ ยอดเขายายกะตาเป็นเพียงตำนาน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะมีกบตัวไหนเคยปีนขึ้นไปถึง"

"บางทีอาจจะเป็นนิทานหลอกเด็กของพวกบรรพบุรุษที่ว่างจัดของเราก็ได้"

"อย่างนั้นก็กลับกันเถอะ เปลืองแรงเปล่า ๆ" กบตัวที่แข็งแรงที่สุดบอก แล้วทุก ๆ ตัวซึ่งเป็นกบที่อยู่แถวหน้าสุดก็หันหลังปีนลงเขาไป

เมื่อพวกกบที่อยู่ข้างหลังเห็นกบแถวหน้าปีนลงมาก็ถามด้วยความแปลกใจว่า

"อ้าว ลงมาทำไมน่ะเพื่อน"

กบตัวที่แข็งแรงที่สุดตอบว่า "ก็แล้วจะปีนขึ้นไปให้เสียแรงเสียเวลาสทำไมล่ะ อย่างไรก็ปีนไม่ถึงหรอก ยอดเขายายกะตาอยู่สูงลิ่วขนาดนั้น พวกกบอย่างเราจะมีทางไปถึงได้อย่างไร"

"แต่บรรพบุรุษของเราเคยไปถึงที่นั่นนะ" กบอีกตัวซึ่งอยู่แถวหลังแย้ง

"บรรพบุรุษหลอกเราเพื่อสร้างความเก่งกล้าให้ตัวเองน่ะสิ ทางแบบนี้จะมีใครปีนไปถึงได้ล่ะ ไม่มีทางหรอก" กบแถวหน้าอีกตัวโต้

พวกกบแถวหลังเมื่อเห็นกบแถวหน้าซึ่งมีความแข็งแรงมากยังพูดถึงขนาดนี้ก็ชักจะคล้อยตามไปโดยง่าย สุดท้ายพวกมันจึงชวนกันปีนตามลงมาด้วย

"กลับเถอะ พวกเราไม่มีทางปีนขึ้นไปได้หรอก เสียเวลาเปล่า ๆ" พวกกบที่ปีนลงเขาป่าวประกาศให้เพื่อน ๆ ที่กำลังปีนสวนทางขึ้นไปรู้ "ขนาดกบที่แข็งแรงที่สุดในฝูงยังปีนไม่ไหวเลย แล้วเราจะปีนได้อย่างไร กลับลงไปเถอะ"

พวก กบแถวหลัง ๆ ได้ฟังดังนั้นก็เชื่อสนิทใจคิดว่าทางข้างหน้าคงลำบากมาก และพวกตนคงไม่มีทางปีนขึ้นไปได้จริง ๆ จึงชักชวนกันกลับ ไม่ปีนขึ้นเขาอีกต่อไป

เมื่อกบทุกตัวปีนลงมา พวกมันก็สังเกตเห็นว่ามีสมาชิกในฝูงตัวหนึ่งหายไป

"ใครหายไปหนึ่งตัว" พวกกบร้องถามกันและกันด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจดังลงมาจากยอดเขายายกะตาว่า

"ข้าถึงแล้ว! ข้ามาถึงแล้ว!"

กบที่อยู่เชิงเขามองขึ้นไปบนยอดเขายายกะตา แล้วพวกมันก็เห็นกบตัวหนึ่งกระโดดเริงร่าอยู่บนนั้น
"ข้า รู้แล้วว่า ทำไมที่นี่จึงมีชื่อว่า ยอดเขายายกะตา ก็เพราะมีรูปปั้นยายกะตาที่ใจดีอยู่บนนี้นี่เอง..ว่าแต่ทำไมเพื่อน ๆ ถึงลงไปกันหมดล่ะ..แต่ไม่เป็นไร ข้าจะขอพรจากรูปปั้นนี้ และขอเผื่อเพื่อน ๆ ด้วยก็แล้วกันนะ"

เหล่ากบมองหน้ากันด้วยความฉงน เหตุใดกบตัวนั้นจึงเอาชนะความยากลำบากปีนไปถึงยอดเขายายกะตาได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อกบตัวนั้นปีนลงมา พวกกบตัวอื่น ๆ ก็พากันเข้าไปแสดงความยินดีด้วยใจจริง และรุมถามข้อข้องใจเป็นการใหญ่

"ทำไมเจ้าถึงปีนไปถึงนั่นได้ล่ะเพื่อน เมื่อกบที่แข็งแรงบอกว่าเราไม่อาจขึ้นไปถึงบนนั้นได้ ทำไมเจ้าไม่เชื่อเล่า"

กบตัวนั้นได้แต่ยิ้มหน้าแฉล้ม

"ว่าอย่างไร ทำไมไม่ตอบ" เพื่อนกบถามอีก

กบตัวนั้นก็ยิ้มตอบเพื่อน ๆ อีก

"เอ๊ะ! เจ้านี่มันกวนเสียจริง" เพื่อนกบชักหงุดหงิดที่ไม่ได้คำตอบเสียที แต่แล้วกบตั้วนั้นก็พูดขึ้นมาว่า

"ดูเหมือนเพื่อนจะโกรธอะไรข้าสักอย่างนะ แต่อย่าได้โกรธไปเลย เพราะข้าหูหนวกมานานแล้ว ไม่ได้ยินที่เพื่อนพูดหรอก"

พวกกบได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจทันทีว่า เหตุใดกบตัวนี้จึงปีนขึ้นไปถึงยอดเขายายกะตาได้ นั่นก็เพราะมันหูหนวกจึงไม่ได้รับฟังคำพูดของใครที่ทำให้ตนคิดท้อถอย สามารถปีนไปถึงยอดเขายายกะตา ได้รับพรจากรูปปั้นยายกะตา และได้รางวัลสุดยอดกบไปครองในที่สุด

บทสรุปของผู้แต่ง

หนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จทั้ง ๆ ที่เห็นเป้าหมายของชีวิตอยู่ตรงหน้าแล้วก็คือ "การฟังคนอื่นมากเกินไป" นั่นเอง

เราอาจเป็นคนยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องแยกแยะให้ถูกด้วยว่า ความคิดเห็นอันไหนติเพื่อก่อ หรืออันไหนไม่มีประโยชน์ที่จะสนใจ เมื่อตั้งใจจะทำอะไรด้วยใจรัก และคิดไตร่ตรองดูแล้วว่า สิ่งนั้นทำให้ชีวิตของเรามีความสุข และไม่เบียดเบียนใคร เราก็จงตั้งใจทำให้บรรลุผลเถิด ถ้าเมื่อใดมีคำบ่นว่าอย่างไร้ประโยชน์ส่งมาถึงตัวก็ขอให้ทำเป็นหูหนวกเสีย ไม่อย่างนั้นเราจะเหน็ดเหนื่อยกับการไล่ตามความคิดของคนอื่น และสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปในที่สุด

อีกอย่างหนึ่ง เมื่อกลับบทบาทกัน และเราเป็นคนพูดถึงเป้าหมายในชีวิตของผู้อื่น ก็ขอให้พูดแสดงความคิดเห็นแต่ในข้อที่เป็นประโยชน์แก่เขา ให้กำลังใจเขา อย่าด่วนสรุปความคิดและเป้าหมายของเขาว่าเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ เพราะถ้าทำเช่นนั้น เราเองต่างหากที่เป็นคนใช้ไม่ได้ การทำลายความหวัง และความฝันของคนอื่น ไม่ต่างกับการฆ่าคนให้ตายทั้งเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่คนดี ๆ ไม่ทำกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น