เรื่องของเส้นทางการเติบโต หรือความก้าวหน้าทางสายอาชีพของพนักงานนั้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พนักงานรู้สึกผูกพันกับองค์กร และเป็นปัจจัยที่ทำให้องค์กรสามารถธำรงรักษาพนักงานไว้ได้ในระยะยาว เนื่องจากถ้าองค์กรสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของพนักงานในเรื่องของความ ก้าวหน้าทางสายอาชีพได้แล้ว พนักงานก็ย่อมไม่อยากไปโตที่อื่น เพราะที่นี่สามารถทำให้เขาโตได้ตามสิ่งที่เขาต้องการ
ด้วยเหตุผลนี้ ก็เลยทำให้ระบบ Career Path เริ่มเข้ามามีบทบาทในการบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัทมากขึ้นกว่าในอดีตมาก บริษัทต่างๆ พากันพยายามวางระบบ Career Path ให้กับตำแหน่งงานต่างๆ เรียกได้ว่า ตำแหน่งบางตำแหน่งที่ไม่สามารถออกแบบ Career Path ได้ ก็ยังสามารถทำมันออกมาได้
สิ่งสำคัญที่ตามมาก็คือ การบริหารการเติบโตของพนักงานให้เป็นไปตามระบบ Career Path ที่วางไว้อย่างเคร่งครัด แต่สภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือ
- Career Path เป็นแค่เพียงการสร้างภาพขององค์กรว่า เข้ามาทำงานแล้วจะมีเส้นทางการเติบโตให้กับพนักงาน ซึ่งบางองค์กรเป็นภาพที่สวยหรูมากมาย พนักงานเองเข้ามาทำงานวันแรกๆ ก็รู้สึกดี เพราะเห็นว่า องค์กรมีเส้นทางให้โต แต่พอทำงานไปนานๆ เข้า ก็เริ่มรู้ว่า จริงๆ แล้วระบบ Career Path ที่วางไว้ นั้นเป็นเพียงแค่ภาพสวยๆ เท่านั้น ไม่มีวิธีการในการบริหารจัดการอย่างที่มันควรจะเป็น
- พนักงานเติบโตโดยอาศัยสิ่งที่เรียกว่า ปัจจัยการอยู่รอดในองค์กร (Survival Factors) กล่าวคือ พอเข้ามาพยายามสืบค้นว่าใครเป็นใครในองค์กร คนนั้นมีญาติเป็นนักการเมือง คนนี้มีพี่น้องเป็นคนใหญ่คนโตที่ไหนบ้าง จากนั้นก็พยายามหาวิธีการในการเข้าถึงบุคคลเหล่านี้ โดยอาศัยการตีสนิท การพูดคุยแบบเอาอกเอาใจ พยายามหาเส้นทางที่จะเข้าถึงบุคคลที่มีอิทธิพลเหล่านี้ เพื่อที่จะทำให้ตนเองอยู่รอด และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ทำให้ตนเองเติบโตได้ในองค์กร โดยไม่สนใจว่าระบบ Career Path ที่บริษัทวางไว้จะเป็นอย่างไร อาศัยทางลัดเหล่านี้ทำให้ตนเองเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ
- ตัวพนักงานเองอาศัยอิทธิพลส่วนตัวเข้า มาบังคับให้หัวหน้า หรือผู้จัดการหมดทางเลือก ลักษณะนี้ส่วนใหญ่ตัวพนักงานเองจะเป็นลูกท่านหลานเธอ หรือเป็นลูกของผู้มีอิทธิพลสูงๆ และใช้อิทธิพลเหล่านี้ในทางที่ทำให้ตัวเองเติบโตได้ในองค์กร ประเด็นนี้รุ่นพี่ผมเองเจอมากับตัวเอง เนื่องจากพี่คนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา ทำอะไรก็ยึดถือระบบที่ถูกต้องเป็นที่ตั้ง พอไปเจอพนักงานคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกสาวของคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เข้ามาใช้เส้นสายและอิทธิพลเพื่อให้ลูกสาวของตนเองได้ตำแหน่งผู้จัดการที่ กำลังว่างอยู่ ซึ่งรุ่นพี่ผมคนนี้ไม่ยอมทำ เพราะไม่ตรงตามเกณฑ์ขององค์กรที่วางไว้ สุดท้ายรุ่นพี่ผมคนนี้ก็ถูกสั่งย้ายไปทำงานในที่ที่ลำบากกว่าเดิม และสุดท้ายก็ถูกบีบจนกระทั่งอดทนทำงานไม่ได้อีกต่อไป ต้องลาออกในที่สุด
- เติบโตโดยอาศัยวิธีการเข้าหาประจบประแจงหัวหน้า อีกวิธีหนึ่งซึ่งหัวหน้าอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว แต่พนักงานรู้ตัวแน่นอน ก็คือ การใช้วิธีการทำดีเพื่อหวังผล พนักงานบางคนใช้วิธีการประจบประแจง หรือที่เรียกว่า เชลียร์ เพื่อให้หัวหน้าเกิดความรู้สึกรัก และสนิทสนมด้วย โดยที่ถ้ามองทางด้านผลงานแล้ว พนักงานคนนี้ ผลงานแทบจะไม่มีอะไรเลยที่เป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่คำพูดเอาอกเอาใจ ทำงานก็อาศัยเพื่อนๆ คอยช่วย แต่ด้วยความที่สนิทสนม และหัวหน้าให้ความไว้วางใจ ก็เลยมีโอกาสเติบโตตามสายอาชีพในองค์กร ผิดกับพนักงานที่สร้างผลงานที่ดี แต่อาจจะมีความคิดเห็นขัดแย้งกับหัวหน้าไปบ้าง คนๆ นี้กลับไม่ถูกพิจารณาให้เติบโต
ใครที่ได้ทำงานในองค์กร ที่มีระบบที่ดี และมีผู้นำที่ดี บริหารงานตามระบบที่วางไว้ โดยไม่ใช้อำนาจที่มีในทางที่ผิดๆ ผมว่าคนนั้นโชคดีมากแล้วครับ ที่ไม่ต้องมานั่งคอยระวังเรื่องไม่เป็นเรื่อง การเมืองในองค์กร ผู้มีอิทธิพลต่างๆ ฯลฯ ได้ใช้ความสามารถของตนเองในการสร้างผลงาน และเติบโตขึ้นไปด้วยฝีมือของตนเองล้วนๆ
ผมว่าแบบนี้มันน่าภาคภูมิใจกว่ากันเยอะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น