ช่วงต้นปีแบบนี้ นอกจากเรื่องของการขึ้นเงินเดือนประจำปีแล้ว ก็ยังมีอีกเรื่องที่หลายองค์กรดำเนินการไปพร้อมกันเลยก็คือ เรื่องของการเลื่อนตำแหน่ง แต่ผู้จัดการในบ้านเรายังมีความเข้าใจผิดในเรื่องของการเลื่อนตำแหน่ง และเกณฑ์ในการเลื่อนตำแหน่งอยู่พอสมควร โดยผมสังเกตจากเวลาที่ไปวางระบบการบริหารค่าจ้างเงินเดือนให้กับลูกค้า ก็จะเห็นสิ่งที่เป็นปัญหาของการเลื่อนตำแหน่งอยู่หลักๆ 2 ประการก็คือ
- เลื่อนตำแหน่งตามกาลเวลา กรณีนี้ก็คือ ผู้จัดการมองเห็นแล้วว่าลูกน้องของตนเอง ถึงเวลาที่จะต้องได้รับการเสนอเลื่อนตำแหน่งแล้ว เหตุผลก็คือ ทำงานครบ 3 ปีบ้าง 5 ปีบ้าง ฯลฯ แค่นั้น และก็แค่นั้นจริงๆ นะครับ ไม่มีเหตุผลอื่นประกอบเลยว่าทำไมต้องเลื่อนตำแหน่งให้พนักงานคนนี้ นอกจากเวลาทำงานที่อ้างไว้
- เลื่อนตามความรู้สึก กรณีนี้เกิดขึ้นเวลาที่หัวหน้างาน หรือผู้จัดการรู้สึกประทับใจผลงานของพนักงานคนนี้ ก็เลยอยากจะให้รางวัลให้มากกว่าคนอื่นหน่อย แต่ไม่รู้ว่าจะให้อะไร ก็เลยเสนอเลื่อนตำแหน่งซะเลย จะได้ทำให้พนักงานรู้สึกดี ในกรณีนี้อีกเช่นกัน เคยเกิดกรณีที่ว่า ทำงานแต่เพียง 8 เดือนเท่านั้น หัวหน้าก็เสนอเลื่อนตำแหน่งให้ โดยที่คนรอบข้าง ก็งงๆ ว่า ทำไมถึงได้รับการเสนอชื่อ ทั้งๆ ที่คนอื่นทำงานกันมาตั้งนานกลับไม่ได้อะไร สุดท้ายก็เป็นเรื่องของความรู้สึกของผู้จัดการคนนั้น ว่าพอใจจะเลื่อนให้ใครก็จะเสนอคนนั้น
แล้วจริงๆ การเลื่อนตำแหน่งนั้นต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง การเลื่อนตำแหน่งโดยส่วนใหญ่จะถูกแยกออกเป็น 2 ประเภท คือ
- เลื่อนตำแหน่งตามสายวิชาชีพ ก็คือ มีการจัดทำ Career Path และเลื่อนตำแหน่งไปตามความลึกของงานที่จะต้องทำ โดยส่วนใหญ่ตำแหน่งทางสายอาชีพ จะถูกออกแบบมาโดยไม่ต้องมีการบังคับบัญชาลูกน้อง แต่จะออกแบบให้งานยากขึ้น ลึกขึ้น และเชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญก็คือ การเลื่อนตำแหน่งแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครลาออกไปก่อน ถึงจะมีสิทธิเลื่อน เพียงแสดงความสามารถ ทักษะ และผลงานได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็จะได้รับการปรับเลื่อนตำแหน่งแล้ว
- เลื่อนตำแหน่งตามสายบังคับบัญชา ในกรณีนี้เป็นการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปตามสายการบังคับบัญชาขององค์กร กล่าวคือ หัวหน้าลาออก หรือเกษียณไป ต้องเลื่อนพนักงานขึ้นมาทดแทน ดังนั้นการเลื่อนตำแหน่งแบบนี้จะต้องมีอัตราว่าง และมีการเลื่อนขึ้นมาทดแทน หรือไม่ก็มีการขยายองค์กรให้ใหญ่ขึ้น และมีตำแหน่งงานใหม่ๆ เกิดขึ้น ก็จะสามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาได้ การเลื่อนตำแหน่งในลักษณะนี้ จะมีข้อจำกัดก็คือ ถ้าคนข้างบนไม่ไปไหน คนข้างล่างก็ไม่ได้ขึ้น
- ผลงานของพนักงาน โดยจะต้องมีการกำหนดให้ชัดเจนว่า ถ้าผลงานได้ในระดับ A อย่างน้อยต้อง A กี่ปีจึงจะมีสิทธิในการได้รับการเลื่อนตำแหน่ง หรือถ้า เฉลี่ยผลงานคือ B จะต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะมีสิทธิเลื่อน ไม่ใช่ดูแค่จำนวนปีเพียงอย่างเดียว ยิ่งผลงานดีมากเท่าไหร่ ก็จะใช้จำนวนปีสั้นลง แต่ถ้าพนักงานคนใด ผลงานปานกลาง ก็ต้องใช้จำนวนปีที่นานขึ้นนั่นเอง
- ความรู้และทักษะที่เพิ่มขึ้น โดยในการเลื่อนตำแหน่งนั้น เราจะต้องพิจารณาเรื่องของ ความรู้ และทักษะของพนักงานประกอบด้วย เพื่อดูว่า พนักงานคนนั้นมีศักยภาพในการที่จะปฏิบัติงานที่ยากขึ้นได้จริงหรือไม่
- มี Competency ในระดับที่สูงขึ้นตามตำแหน่งใหม่ที่จะเลื่อนไป เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่บริษัทที่นำเรื่องของ competency มาใช้นั้นจะต้องมีการวางเกณฑ์ให้ชัดเจนว่า แบบไหนถึงจะอยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง แบบไหนที่จะต้องพัฒนาต่อและค่อยมาดูกันในปีหน้า
ดังนั้นถ้าองค์กรของเราจะต้องมีการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง ก็ขอให้มองให้ครบทุกด้านก่อนที่จะเลื่อนตำแหน่งนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น