วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บัญญัติ 7 ประการในการเปลี่ยนจากผู้จัดการมาเป็นผู้นำ



มีตำราและงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับเรื่องของการเป็นผู้จัดการที่ดี และการเป็นผู้นำที่ดี ซึ่งทั้งสองคำนี้มีการพัฒนาที่แตกต่างกันออกไป คนที่เป็นผู้จัดการที่ดีนั้น อาจจะไม่ใช่คนที่เป็นผู้นำที่ดีก็เป็นได้ และคนที่เป็นผู้นำที่ดี ก็อาจจะไม่ใช่ผู้จัดการที่ดีก็ได้อีกเช่นกัน หลายท่านอาจจะงง แล้วผู้จัดการกับผู้นำนั้นต่างกันอย่างไร
ผู้จัดการ คือ คนที่ทำหน้าที่บริหารจัดการงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยอาศัยทักษะในการบริหารจัดการเช่นการวางแผน การควบคุม และการตรวจสอบให้งานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด  

ผู้นำ คือ คนที่สามารถนำคนอื่นได้ คนที่สามารถสร้างภาพในอนาคตให้เกิดขึ้นจริงได้ สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมงาน เพื่อให้ทีมงานมีพลังและแรงจูงใจในการไปสู่เป้าหมายร่วมกัน

เมื่อเห็นภาพคร่าวๆ ของ 2 บทบาทแล้วก็จะพบว่า คนในองค์กรส่วนใหญ่จะเป็นผู้จัดการที่ดี และน้อยคนนักที่จะเป็นผู้นำที่ดีด้วย กล่าวคือ สามารถบริหารจัดการงานได้ออกมาอย่างเนี้ยบมาก ไม่ขาดตกบกพร่องเลย แต่ไม่สามารถนำคนอื่นได้ ไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับคนอื่นได้เลย ผลงานที่ออกมานั้นเป็นเพราะการที่เขาบริหารจัดการแบบเฉียบขาด และงานบางส่วน (ถึงส่วนใหญ่) ก็เอามาทำเองทั้งหมด

 การที่จะเปลี่ยนจากผู้จัดการมาเป็นผู้นำได้นั้น ทางนิตยสาร Harvard Business Review เดือนมินายน 2555 โดย Michael D. Watkins ได้ให้แนวทาง 7 ประการในการเปลี่ยนร่างจากผู้จัดการมาเป็นผู้นำที่ดี ลองมาดูว่ามีอะไรบ้าง
  • Specialist to Generalist เปลี่ยนจากคนที่ต้องลงลึกในงาน มาเป็นคนที่มองกว้างมากขึ้น จากเดิมที่มองเฉพาะงานวิชาชีพของตน ก็ต้องหันมามองภาพของธุรกิจในภาพรวมมากขึ้น เห็นความเกี่ยวเนื่องกันของธุรกิจ และหน่วยงานต่างๆ ว่าประสานกลมกลืนกันอย่างไร ไม่ยึดวิชาชีพของตนเองเป็นหลักอีกต่อไป
  • Analyst to Integrator เปลี่ยนจากคนที่วิเคราะห์แยกแยะปัญหาในเชิงลึก มาเป็นคนที่จะต้องทำหน้าที่ประสานและบูรณาการภาพรวมให้ได้ โดยใช้ความรู้ ทักษะ ในการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่มีความแตกต่างกันเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และส่งผลต่อภาพรวมขององค์กรมากขึ้น
  • Tactician to Strategist เปลี่ยนจากคนที่พยายามหาแทคติคในการทำงานของตนเอง การสร้างความแตกต่างในงานวิชาชีพของตน มาเป็นคนที่มองในเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ต้องนำเอาสภาพแวดล้อมต่างๆ เข้ามามีส่วนในการหาพิจารณาหาโอกาสทางธุรกิจ และสามารถที่จะสร้างความได้เปรียบทางกลยุทธ์ได้ในภาพรวมขององค์กร
  • Bricklayer to Architect เปลี่ยนจากคนที่ลงมือทำงานเองตามแผนงาน มาเป็นคนที่ออกแบบการทำงานในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงสร้างองค์กร การประสานการทำงานของหน่วยงานที่มีความแตกต่างกันให้ไปด้วยกันให้ได้ โดยการออกแบบ และกำหนดภาพเป้าหมายใหญ่ที่จะต้องไปให้ถึง รวมทั้งดูแลงานก่อสร้างในภาพใหญ่ให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
  • Problem Solver to Agenda Setter เปลี่ยนจากคนที่คอยแก้ไขปัญหาไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มาเป็นคนที่ต้องกำหนดภาพรวม และสามารถมองปัญหาให้ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อวางแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ต้องมองความเสี่ยงให้ออก และสามารถวางแผนเพื่อป้องกันความเสี่ยงนั้นได้
  • Warrior to Diplomat เปลี่ยนจากคนที่เป็นนักรบที่มุ่งจะเอาชนะคู่แข่งในทางธุรกิจ เป็นคนที่ต้องมีหน้าที่ประสานงานรอบทิศ โดยเฉพาะหน่วยงานต่างๆ ภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ เอกชน NGO หรือแม้แต่ชาวบ้านในพื้นที่ จะต้องเป็นนักการทูตที่ดี ที่จะอาศัยทักษะในการทำให้เกิด win win ในทุกฝ่ายให้ได้
  • Supporting Cast Member to Lead Role ต้องเปลี่ยนจากคนที่บริหารจัดการและสนับสนุนแค่หน่วยงานของตนเอง มาเป็นคนที่จะต้องเป็น role model ให้กับพนักงานทั้งองค์กรได้ กล่าวคือไม่ใช่เก่งแค่ในหน่วยงานของตนเองเท่านั้น จะต้องเก่งทั้งองค์กรด้วย เป็นคนที่พนักงานทุกคนให้การยอมรับ และสามารถที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงานทุกคนในองค์กรได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
และนี่ก็คือ บัญญัติ 7 ประการสำหรับคนที่ต้องการจะเปลี่ยนตนเองจากการเป็นแค่ผู้จัดการที่ดี ให้เป็นผู้นำที่ดีครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องราวนี้ไม่ใช่เป็นทฤษฎีจ๋า ก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟังครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการจะพัฒนาภาวะผู้นำของตนเองครับผม
อ้างอิงจากบทความชื่อ How managers become Leaders by Michael D. Watkins จากนิตยสาร Harvard Business Review ฉบับเดือนมิถุนายน 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น