วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ผู้นำที่ดี ต้องใช้พนักงานให้เป็น

leadershipppp

วันนี้ได้ฟังผู้บริหารถกเถียงกันในเรื่องของคุณสมบัติของผู้นำ ว่าจริงๆ แล้วผู้นำที่ดีจะต้องรู้ในสิ่งที่พนักงานทำหรือเปล่า การอภิปรายแบ่งเป็นสองค่ายใหญ่ๆ ก็คือ ค่ายแรกเชื่อมากๆ ว่า ผู้นำที่ดีจะต้องรู้ และทำทุกอย่างเป็น มิฉะนั้นแล้วจะถูกพนักงานหลอกเอาง่ายๆ เพราะด้วยความไม่รู้ว่างานนั้นต้องทำอย่างไร อีกค่ายหนึ่งมองตรงกันข้ามกันเลย คือ ผู้นำที่ดีนั้น ไม่จำเป็นต้องรู้ไปซะทุกเรื่อง เพราะในทางปฏิบัตินั้น เราไม่สามารถที่จะทำได้ทุกอย่าง และรู้ไปทุกอย่างจริงๆ แต่ผู้นำที่ดีจะต้องสามารถใช้คนได้ตรงกับความรู้ความสามารถของพนักงาน และสามารถใช้จิตวิทยาในการบริหารจัดการพนักงาน เพื่อให้พนักงานสร้างผลงานที่ดีออกมาให้ได้


ผมนั่งฟังอยู่ห่างๆ ก็คิดตามไปเรื่อยๆ และพยายามทำใจให้เป็นกลาง มองเหตุผลของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจริงๆ แล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหตุผลที่ดี และมีความน่าเชื่อถือทั้งคู่ เพราะคนที่เป็นผู้นำ อย่างน้อยจะต้องรู้ในสิ่งที่กำลังทำ จะนำแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั้น ก็คงไม่ได้ เพราะผู้ตามเองก็คงไม่เชื่อถือ และไม่อยากจะตามผู้นำแบบนี้

หรือจะต้องรู้ไปหมดทุกเรื่องที่พนักงานทำ แบบนี้ ก็คงต้องใช้เวลามาก และหลายคนก็คงจะไม่ได้เป็นผู้นำอย่างแน่นอน เพราะมัวแต่ไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ มันก็เรียนรู้กันได้ไม่หมด

ผมก็เลยเชื่อว่าผู้นำ ที่ดีจะต้องอยู่ตรงกลาง ก็คือ ต้องรู้ในสิ่งที่ทำ ว่ามันคืออะไร รู้ว่าอะไรถูก อะไรไม่ถูก รู้ตรรกะในการทำงานของเรื่องนั้นๆ เพื่อที่จะคิดต่อ และสามารถที่จะควบคุมงานได้ตามเป้าหมายที่กำหนด และในอีกมุมหนึ่งก็คือ จะต้องรู้จักที่จะใช้คนให้เป็น เพราะเราเองไม่ได้เชี่ยวชาญทุกเรื่องจริงๆ ดังนั้นถ้าเราสามารถใช้พนักงานให้เหมาะสมกับสิ่งที่เขาเก่ง เราก็จะได้ผลสำเร็จของงานที่ดีตามมา

ก็เลยนึกถึงพงศาวดารจีนในสมัยพระ เจ้าฮั่นโกโจ ซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น ที่สามารถทำให้แผ่นดินมีความมั่นคงได้ก็เนื่องจากมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ เยี่ยมยอดถึง 3 คนด้วยกัน คือ เตียวเหลียง ซึ่งเป็นนักยุทธศาสตร์ ที่ค่อยวางแผนและคิดอ่านเกมกลยุทธ์ในการรับมือกับข้าศึก คนที่สองคือ ฮั่นสิน เป็นนักรบที่เชี่ยวชาญในการรบทุกรูปแบบ เป็นแม่ทัพที่ควบคุมการรบได้อย่างดี และคนที่สามคือ เซียวเหอ มีฝีมือในด้านการบริหารจัดการ การจัดส่งเสบียงบำรุง การเสริมสร้างกำลังพลให้พร้อมรบและเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา

และหลังจากที่สถาปนาราชวงศ์ฮั่นได้แล้ว พระเจ้าฮั่นโกโจได้กล่าวไว้ว่า

“ความคิดอ่านสติปัญญาในการวางแผนการรบนั้น เตียงเหลียงเก่งกว่าข้ามากมายนัก ส่วนเรื่องฝีมือในการสู้รบปรบมือกับข้าศึกนั้น ข้าก็สู้ฮั่นสินไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และพอพูดถึงความรู้ความสามารถในการระดมพล การฝึกไพร่พล และการสนับสนุนเสบียงอาหารแก่กองทัพก็ไม่มีใครเก่งเกินเซียวเหอไปได้ ข้าเองยังต้องไปขอคำแนะนำอยู่เนืองๆ”

“แต่สิ่งเดียวที่ข้าพอที่จะทำได้ ก็คือ ความสามารถในการใช้คนทั้งสามคนนี้ไปทำในสิ่งที่เขาเก่งที่สุด ถนัดที่สุด และเหมาะสมที่สุด และนี่เองคือเหตุผลที่ทำให้เราได้รับชัยชนะ”

จากตัวอย่างข้างต้น และอีกหลายตัวอย่างของผู้นำในยุคปัจจุบัน ทำให้เราเห็นว่า ผู้นำที่ดีนั้น จะต้องรู้วิธีการใช้คนให้เหมาะสมเพื่อสร้างผลงานที่ดี แต่ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ในสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่เช่นกัน แต่ไม่ต้องรู้ลึกทุกเรื่อง

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความสามารถในการใช้คน ให้เหมาะกับความรู้ความสามารถของเขา และเมื่อเขาทำงานได้ดี ก็จะมีการปูนบำเหน็จ ซึ่งก็คือ การให้รางวัลตอบแทนอย่างสาสมกับความดีที่ทำไว้ ทั้งรางวัลที่จับต้องได้ และรางวัลที่จับต้องไม่ได้ เช่น คำชื่นชม และการยกย่องว่าเป็นคนที่เก่งในเรื่องนั้นๆ และตัวผู้นำเองก็ยังต้องเข้าไปขอคำปรึกษาด้วยตนเอง นี่ก็ยิ่งเป็นการสื่อ และยกย่องให้พนักงานคนนั้นทราบในทางอ้อมว่า เขาเป็นคนเก่งในเรื่องนั้นจริงๆ และสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ผู้นำคนนี้ ได้ใจพนักงานไปหมด และพนักงานเองก็ยินดีและเต็มใจที่จะทำงานให้กับผู้นำอย่างเต็มความสามารถ

ผิดกับผู้นำบางคนที่ใช้คนไม่เป็นเลย พนักงานเรียนบัญชีมา ก็ไปใช้ทำไอที พนักงานเก่งเรื่องการเงิน ก็ไปใช้ให้ทำ HR บางคนเป็นเลขาที่คอยประสานงานได้ดี ก็ไปใช้งานให้ทำ PR ของบริษัท ฯลฯ ทั้งๆ ที่ตัวพนักงานเองก็ส่งสัญญาณมาแล้วว่า ไม่ชอบ และไม่อยากที่จะทำงานนั้น แต่ตัวผู้นำเองกลับไม่รู้ตัว และมั่นใจว่าใช้พนักงานได้อย่างเหมาะสมที่สุดแล้ว จนสุดท้ายพนักงานขอลาออกไป ก็ยังไม่รู้ตัวอีกเช่นกัน แบบนี้ไม่สมควรจะเป็นผู้นำแล้วล่ะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น