ท่านที่เรียนมาเกี่ยวกับการบริหารจัดการ โดยเฉพาะเรื่องของการบริหารคน มักจะถูกสอนมาว่า เราจะต้องระงับความโกรธของเราไว้ เวลาเรารู้สึกโกรธมันจะทำให้เราใช้แต่อารมณ์ ไม่ใช้เหตุผลในการพูดคุยกัน ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่างๆ ตามมาอีกมากมาย ท่านเองเชื่อวิธีการข้างต้นสักแค่ไหนครับ
เวลาที่ท่านทำงานกับลูกน้อง และลูกน้องทำผลงานออกมาไม่ดี สร้างปัญหามากมาย หรืองานไม่ได้ตามที่หัวหน้าคาดหวัง หรือลูกน้องไปมีปัญหากับลูกค้าคนสำคัญของบริษัท จนทำให้ลูกค้าไม่ซื้อสินค้าของบริษัทอีกต่อไป ฯลฯ ท่านในฐานะผู้รับผิดชอบ จะรู้สึกอย่างไรครับ
ผมเชื่อว่าภายในจิตใจของเรานั้นต้องโกรธอย่างแน่ นอน เพียงแต่ท่านจะแสดงออกมาสักแค่ไหน บางคนเชื่อว่าความโกรธไม่ดี ก็จะพยายามปิดบังความโกรธนั้นไว้ เพื่อไม่ให้พนักงานเห็น คำถามก็คือ ท่านซ่อนความโกรธนั้นได้ดีสักแค่ไหน ถ้าท่านไม่ใช่ดาราฮอลลีวู้ด ผมว่าด้วยสีหน้า น้ำเสียง หรือคำพูดที่ออกมา ล้วนทำให้ลูกน้องมองเห็น และทราบดีอยู่แล้วว่าท่านโกรธ แม้ว่าจะพยายามซ่อนสักแค่ไหนก็ตาม
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งของ Henry Evans and Colm Foster ซึ่งเป็น Emotional Intelligence Expert หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านความฉลาดทางอารมณ์ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของการ แสดงออกถึงความโกรธไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งสองท่านนี้สรุปออกมาว่า การแสดงออกถึงความโกรธนั้นมีประโยชน์มาก ถ้าการแสดงออกนั้นเราสามารถควบคุมเหตุและผลของมันได้ โดยไม่หันไปใช้อารมณ์เป็นใหญ่ (ฟังดูยากๆ ชอบกล) สิ่งที่เราจะได้จากการแสดงออกถึงความโกรธก็คือ
- มันทำให้เรา focus ในการทำงานนั้นๆ มากขึ้น ความโกรธทำให้เรามองประเด็นปัญหาตรงไปที่ประเด็นของมันเลย ไม่ถูกเรื่องอื่นมาดึงให้เขวไปได้ เนื่องจากขณะที่โกรธนั้น เราจะพยายามมองสิ่งนั้นอย่างลึกซึ้งอยู่แล้ว โดยไม่มีใจไปมองประเด็นอื่นๆ มากนัก แต่อย่างไรก็ดี ผู้วิจัยเองก็ติงๆ ไว้ว่าในกรณีที่โกรธแล้วเราสามารถควบคุมความเป็นเหตุเป็นผลไว้ได้ ก็จะทำให้เรารู้ว่าเรื่องไหนที่เกี่ยวข้อง เรื่องไหนที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเราไม่สามารถควบคุมเหตุผลไว้ได้ และใช้อารมณ์ล้วนๆ ผลที่ตามมาก็คือ เราจะไม่ฟังประเด็นอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้เราอาจจะแก้ไขปัญหาไปในทางที่ผิดก็ได้
- ความโกรธสามารถสร้างความมั่นใจให้มากขึ้นได้ เมื่อ ไหร่ที่เราโกรธ เรามักจะหลั่งสารอะดรีนาลียออกมา ซึ่งสารนี้จะทำให้เรามีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น พร้อมที่จะลุย พร้อมที่จะสู้ และแก้ไขปัญหา จากเดิมที่เราอาจจะเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ เป็นคนที่ลอยไปลอยมา ไม่ปิดงานสักที แต่ถ้าเรามีความโกรธขึ้นมา เราก็จะมีความมั่นใจใจตนเองมากขึ้น และสามารถที่จะฟันธง ตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาได้อย่างเด็ดขาด แต่ผู้วิจัยก็ติงไว้อีกเช่นกันว่า ก็ต้องอยู่ในภาวะที่เราสามารถที่จะควบคุมความโกรธของตนเองได้ อย่างมีเหตุผล ก็จะทำให้เราตัดสินใจได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก
- ให้โกรธในสิ่งที่กระทำ หรือผลของการกระทำ อย่าไปลงที่ตัวคนทำ เวลาที่ผลงานออกมาไม่ดี หรืองานมีปัญหาออกมามากมาย เราสามารถแสดงความโกรธให้ลูกน้องเห็นได้ แต่สิ่งที่จะพูดออกไปนั้นให้เน้นไปที่ตัวผลงานมากกกว่าที่ตัวคน เช่น แทนที่จะพูดว่า “ทำไมคุณถึงตัดสินใจโง่ๆ แบบนี้” ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงการใช้อารมณ์ และแตะไปที่ตัวบุคคลมากเกินไป ก็ให้ใช้คำว่า “ผลงานที่ออกมานั้นผมไม่พอใจเลย มันแย่มาก ผมเองอยากทำความเข้าใจว่าทำไมถึงตัดสินใจไปแบบนั้น” ซึ่งประโยคที่สองแสดงให้เห็นว่า เราโกรธนะ แต่ที่เราโกรธก็เนื่องจากผลงานมันออกมาไม่ได้ดั่งใจจริงๆ ก็เลยอยากที่จะทราบถึงสาเหตุ จะได้หาทางแก้ไขกันต่อไป
- อย่าสะสมความโกรธ ใน การบริหารความโกรธของเรานั้น สิ่งที่แนะนำก็คือ เราไม่ควรจะเก็บสะสมความโกรธไว้แล้วระเบิดออกมาทีเดียว เพราะมันจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี แต่สิ่งที่ควรจะทำก็คือ ให้แสดงออกให้เห็นว่าเราไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ในสิ่งที่ทำออกมา และพยายามคุยกับพนักงานถึงสิ่งที่จะต้องแก้ไข แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ ก็ตาม เพราะเรื่องเล็กๆ รวมกันบ่อยๆ หลายๆ เรื่อง มันก็สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เช่นกัน ถ้าเราสามารถทำตรงนี้ได้ เราจะไม่โกรธ แต่เราจะแค่เพียงไม่พอใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็จะทำให้เราสามารถบริหารจัดการความโกรธของเราได้
คำตอบคือ ไม่เลย ถ้ารู้สึกแย่ป่านนี้บริษัทที่ผู้นำเหล่านี้นำอยู่ หรือเคยนำ ก็คงไม่ใช่บริษัทที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลกแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เขาแสดงออกให้พนักงานเห็น เพื่อที่จะทำให้ผลงานดีขึ้น และทำให้พนักงานรู้ว่า สิ่งที่ถูกต้องคืออะไร และสิ่งที่ทำแล้วผู้นำ happy คืออะไร ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการผลักดัน กระตุ้น และสร้างแรงบันดาลใจแก่พนักงาน อีกทั้งความโกรธในบางเรื่องถ้าโกรธให้ถูก ยังสามารถที่จะสร้างพลังผลักดันผลงานให้กับทีมงานได้อีกด้วย
แต่ย้ำว่า ต้องโกรธให้ถูกวิธีนะครับ โกรธให้อยู่ในหลักของเหตุและผล ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ล้วนๆ นายผมเองที่ผมทำงานด้วยมากว่า 20 ปี ท่านก็แสดงความโกรธ และไม่พอใจออกมาให้เห็นเสมอ แต่เป็นความโกรธและไม่พอใจที่อยู่บนพื้นฐานของงาน ท่านไม่เคยแตะเรื่องของคนเลย ไม่เคยด่า ไม่เคยเสียดสี ไม่เคยแทงข้างหลังพนักงานเลยสักครั้ง แต่จะเน้นกันไปที่ตัวงาน ตัวผลงาน และตัวปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่าในกรณีเวลาที่ผลงานออกมาไม่ดี หรือมีปัญหาในการทำงานที่ไม่น่าจะเกิด แต่ก็เกิดขึ้น แต่ที่สำคัญก็คือ ทีมงานของผมทุกคนไม่เคยท้อแท้ หรือหมดไฟจากความไม่พอใจของนายเลย แต่กลับรู้สึกว่าเราจะต้องทำให้ดีขึ้น เพื่อให้ผลงานออกมาดีกว่านี้
แต่ถ้าเป็นความโกรธแบบอารมณ์ล้วนๆ ก็คงไม่มีพนักงานคนไหนสามารถทนทำงานด้วยได้แน่นอนครับ ซึ่งท่านผู้อ่านก็น่าจะพอนึกภาพออกอยู่แล้ว จริงมั้ยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น