วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

คนรุ่นใหม่ กับการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี และนโยบายการบริหารจัดการ


ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า พนักงาน Gen Y จะเข้ามาสู่โลกแห่งการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ และในอนาคตอีกไม่นาน ก็จะมี Gen Z ที่จะเข้ามาอีก ซึ่งอย่างที่รู้ๆ กันว่า Generation ใหม่ๆ กลุ่มนี้ เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เกิดมาก็เห็นและได้ใช้อุปกรณ์มือถือที่ใช้ระบบสัมผัส เกิดมาก็รู้จัก Internet wifi 3G 4G ฯลฯ อีกทั้งเกิดมาไม่นาน พอเริ่มรู้ความพ่อแม่ก็ซื้ออุปกรณ์ติดต่อสื่อสารให้ใช้กันแล้ว ดังนั้นเด็กกลุ่มนี้ก็จะมีอุปกรณ์สื่อสาร และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ แทปเล็ต คอมพิวเตอร์โน้ตบุคส์ เป็นของตนเอง

เมื่อเด็กกลุ่มนี้เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน ก็จะนำเอาอุปกรณ์ต่างๆ ของตนเองที่มีอยู่นั้น เข้ามาในโลกของการทำงานด้วย แบบที่ตะวันตกเขาเรียกกันว่า BYOD มาจากคำว่า Bring Your Own Devices คำ นี้ต้องบอกว่า ไม่ได้แปลว่านายจ้างสั่งให้พนักงานเอาอุปกรณ์มาเองนะครับ แต่มันเป็นแนวโน้มใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็คือ พนักงานจะไม่อยากใช้ของบริษัท แต่จะใช้อุปกรณ์ของตนเองในการทำงานให้กับบริษัท เนื่องจากพนักงานมีความรู้สึกว่าบริษัทสามารถที่จะตอบสนองความต้องการใน เรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เขาต้องการได้ทันใจ ก็เลยคิดว่าเขาเอาของเขาเข้ามาทำงานเองเลยดีกว่า

ลองมาดูงานวิจัยของทาง Comptia ซึ่งได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ BYOD ในกลุ่ม Generation ต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ผลดังกราฟข้างล่างนี้ครับ


จากผลการวิจัยข้างต้น จะเห็นว่าแนวโน้มของคนรุ่นใหม่อายุในช่วง 20 ปีขึ้น และ 30 ปีขึ้นไปนั้น จะมีแนวโน้มที่จะนำเอาอุปกรณ์ส่วนตัวเข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้นเรื่อย เมื่อเทียบกับรุ่น Gen X และ BabyBoomer ซึ่งมองว่าบริษัทจะเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำงานให้ เนื่องจากเขาเกิดในยุคที่เทคโนโลยีไม่ได้ก้าวหน้าเช่นในปัจจุบัน

Gen X ก็จะเป็นพวกที่ชอบเรื่องของเทคโนโลยีมากขึ้น ชอบติดตาม และหาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเสมอ ส่วน Gen Y ก็จะเป็นพวกที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีตลอดเวลา เรียกกว่าขาดไม่ได้เลย ดังจะเห็นได้จากพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในบ้านเราก็พอจะดูออกว่า เด็กบางคนขาดโทรศัพท์แทบไม่ได้เลย ต้องหยิบขึ้นมาดูอยู่ตลอดเวลา ต้องต่อ Internet อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ก็เลยยิ่งทำให้พนักงานกลุ่มนี้อยากที่จะนำเอาสิ่งที่ตนมี และใช้อยู่นั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่แทบจะไม่ได้เรียกร้องให้บริษัทซื้อให้ หรือจัดหาให้แต่อย่างใด แต่เป็นการขอให้บริษัทยอมให้เขานำเอาอุปกรณ์เครื่องมือเหล่านี้เข้ามาใช้ใน การทำงานได้ด้วยก็พอ

เมื่อแนวโน้มเป็นเช่นนี้ แสดงว่าทางบริษัทเองก็คงต้องมีการพิจารณาเรื่องของกฎเกณฑ์ต่างๆในการใช้งาน อุปกรณ์เหล่านี้ ที่เป็นของส่วนตัวพนักงานแต่ต้องการที่จะนำมาใช้ในการทำงานด้วย สิ่งที่ต้องพึงระวังก็คือ
  • เรื่องของความปลอดภัยในการเชื่อมต่อ บริษัทต้องมีการจัดระบบการรักษาความปลอดภัยของการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ ส่วนตัวของพนักงานกับระบบของบริษัท เพราะมิฉะนั้นอาจจะทำให้ระบบไม่ปลอดภัยได้
  • เรื่องของข้อมูลความลับ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องวางระบบให้ดี เพราะถ้าพนักงานสามารถนำอุปกรณ์ส่วนตัวเข้ามาเชื่อมต่อในการทำงานได้ นั่นก็แปลว่ามีโอกาสที่พนักงานจะสามารถนำข้อมูลของบริษัทไปใช้ได้ และถ้าเกิดอุปกรณ์เหล่านี้หายไป หรือตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ก็อาจจะทำให้ความลับ หรือข้อมูลต่างๆ ของบริษัท รั่วไหลออกไปได้เช่นกัน
  • มีการติดตามและ update เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ ฝ่าย IT ของบริษัทต้องมีการติดตาม และนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือ app ใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการทำงาน และอาจจะต้องติดตามให้เร็วกว่าพนักงานด้วยซ้ำไป เพราะเนื่องจากพนักงานเองเป็นผู้ใช้เอง ดังนั้น เขาจะรู้ว่าตอนนี้มีอะไรใหม่ๆ ที่น่าใช้ และถ้าบริษัทไม่มีการติดตามด้วยความเร็วที่ทัดเทียมกัน ก็จะทำให้พนักงานมองว่าล้าหลังได้ และอาจจะปรับระบบไม่ทันกับสิ่งที่พนักงานต้องการ
  • เรื่องของมารยาท และกฎเกณฑ์ในการใช้อุปกรณ์ของตนเอง เพราะพนักงานอาจจะคิดว่านี่เป็นเครื่องของตนเอง ดังนั้นจะใช้อะไร อย่างไรก็ได้ เพราะเป็นของของเขาเอง ดังนั้น ก็อาจจะมีการโพสข้อความอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือเกี่ยวข้องกับบริษัท หรืออาจจะมีการแชร์ข้อมูลโดยไม่ระวัง หรือ อาจจะใช้ในเรื่องส่วนตัวมากเกินไป จนไม่เป็นอันทำงาน ดังนั้น ฝ่ายบุคคล ก็คงต้องมีการวางกฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีส่วน ตัวของพนักงานในการทำงานด้วยเช่นกัน
เรื่องราวเหล่านี้ บริษัทใหญ่ๆ ในประเทศไทย ก็เริ่มมีการกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมาบ้างแล้ว แต่บางบริษัทก็ยังมีการห้ามไม่ให้พนักงานนำเอาอุปกรณ์ส่วนตัวเข้ามาปะปนกับ การทำงาน บางบริษัทจัดการเครื่องมือให้เลย แต่ก็ไม่ถูกใจพนักงานสักเท่าไหร่

อนาคตข้างหน้าเราต้องพบเจอกับเรื่องของ BYOD แน่นอนครับ ดังนั้นถ้า HR มีการเตรียมตัวกันแต่เนิ่น ก็จะไม่มีปัญหาในอนาคตเวลาที่เกิดเหตุขึ้นแล้วจะมากำหนดกฎเกณฑ์ทีหลังก็อาจ จะไม่ทันต่อเหตุการณ์แล้วก็เป็นได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น