วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

นิทานสอนใจ ลูกชายสามคนของหัวหน้าเผ่า

heart

วันศุกร์วนกลับมาอีกแล้ว ก็เหมือนเคยนะครับ ผมนำเอานิทานสอนใจดีๆ มาให้อ่านกัน วันนี้เป็นนิทานที่มาจากหนังสือชื่อว่า “100 นิทาน 1,000,000 กำลังใจ” ซึ่งแปลโดย นาริตะ ของสำนักพิมพ์เรือนบุญ ลองอ่านดูนะครับ


ครั้งหนึ่งมีหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงคนหนึ่ง ที่ใกล้วจะถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต แม้เขาจะพยายามใช้ความคิดอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่อาจตัดสินใจได้ว่า จะให้ลูกชายคนไหนขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าแทนตน
วันหนึ่งหัวหน้าเผ่าได้เรียกลูกชายทั้ง 3 คน ให้เข้ามาหา และบอกแก่พวกเขาว่า

“พวก เจ้าเห็นภูเขาที่อยู่สุดสายตานั้นไหม...นั่นแหละ พ่อต้องการให้พวกเจ้าเดินทางไปที่ภูเขาลูกนั้น และปีนขึ้นไปให้ถึงยอด จากนั้นก็ให้เจ้าแต่ละคนเก็บสิ่งที่เจ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้คนในเผ่า เรามากที่สุดกลับมา”

หลังจากเวลาผ่านไปหลายวัน ลูกชายคนโตของเขาก็เดินทางกลับมาถึงก่อน พร้อมกับหินเหล็กไฟจำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถนำมาใช้ทำปลายธนู หรือปลายหอกได้ ลูกชายกล่าวกับบิดาว่า

“นับแต่นี้เป็นต้นไป ผู้คนของเราไม่ต้องกลัวพวกศัตรูอีกต่อไปแล้ว เพราะข้ารู้แล้วว่า แหล่งของหินเหล็กไฟพวกนี้อยู่ที่ไหน”

ลูกชายคนที่สองได้ปีนขึ้นไปยอดเขา ซึ่งตลอดทางที่ขึ้นไปนั้น เขาได้พบกับป่าใหญ่ที่อุดมไปด้วยแมกไม้ที่สามารถนำมาเป็นเชื้อไฟได้ เมื่อกลับลงมา ก็รายงานต่อบิดาว่า

“นับ แต่นี้เป็นต้นไป ผู้คนของเราจะไม่ต้องทนกับอากาศที่หนาวเย็นในฤดูหนาวอีกต่อไปแล้ว เพราะข้าได้พบกับป่าไม้ที่ใหญ่มากซึ่งจะนำมาเผาให้ความอบอุ่นและช่วยในการ หุงต้มอาหารของพวกเราได้”

ในที่สุดลูกชายคนที่สาม ก็เดินทางกลับมา แต่เป็นการกลับมามือเปล่า ซึ่งเขาได้ให้เหตุผลต่อบิดาว่า

“เมื่อ ข้าขึ้นไปถึงยอดเขา ข้าไม่พบอะไรที่มีค่าพอที่จะนำติดตัวลงมาได้เลย ข้าเที่ยวมองหาไปทั่ว แต่บนยอดเขานั้นก็มีแต่หินที่ไร้ค่า ในที่สุดข้าก็มองตรงไปยังขอบฟ้า และแล้วข้าก็ต้องตื่นใจอย่างยิ่งที่ได้พบว่า ตรงขอบฟ้านั้นมีดินแดนแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยป่าไม้ ทุ่งนา ภูเขา และหุบเขา มีทั้งฝูงปลาและสัตว์ใหญ่น้อย มันเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความงามและความสันติสุขอันยิ่งใหญ่แท้จริง..”

“ข้า จึงไมได้เอาอะไรติดมือมาเลย เพราะแผ่นดินแห่งนั้นยังอยู่ไกล และข้าไม่มีเวลามากพอที่จะไปถึงที่นั่นได้ แต่ถึงอย่างไรข้าก็จะต้องไปให้ถึงสักวันหนึ่ง และที่ช้าต้องเดินทางกลับมาช้ากว่าใครก็เพราะข้าคิดวางแผนที่จะไปถึงดินแดน แห่งนั้นว่าจะไปอย่างไร และมีแผนในการที่จะทำให้คนของเผ่าเรามีทั้งความสุข และมีทั้งความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในดินแดนแห่งใหม่นั้น และนี่ก็คือแผนของข้า....”

คำพูดของลูกชายคนที่สามทำให้ ด้วยตาของหัวหน้าเผ่าเป็นประกาย เขารั้งร่างของลูกชายมากอดไว้ พร้อมกับประกาศว่า เขาจะแต่งตั้งให้ลูกชายคนนี้เป็นหัวหน้าเผ่าต่อจากตน ด้วยเขาคิดในใจว่า

“อันที่จริงลูกชายสองคนแรกก็ได้นำเอาสิ่งมีค่า สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตมาให้ แต่ลูกชายคนที่สามของเรานี้เป็นบุคคลที่สามารถมองเห็นการณ์ไกล มีวิสัยทัศน์ที่ดี และยังมีการวางแผนในการไปสู่ดินแดนแห่งนั้นอย่างชัดเจน รวมทั้งยังมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะไปให้ถึงด้วย ซึ่งนี่แหละคือคุณสมบัติของผู้นำที่ดีที่จะทำให้เผ่าของเรายิ่งใหญ่มากขึ้น”


อ่านจบแล้วคิดอย่างไรครับ การที่จะเลือกผู้นำนั้น ไม่ใช่พิจารณาแค่เพียงผลงานในระยะสั้น แม้ว่าผลงานนั้นจะดีสักแค่ไหนก็ตาม แต่จะต้องพิจารณาถึงวิสัยทัศน์ ซึ่งทำให้เรามองเห็นผลงานในระยะยาว และพิจารณาถึงศักยภาพที่จะสร้างผลงานที่ดีในอนาคตด้วย

ดังนั้นท่านที่ต้องการจะเป็นผู้นำที่ดี ก็ต้องไม่ลืมที่จะมองการณ์ไกล มองให้ออกว่า เราจะต้องเดินไปทางไหน จะต้องพาธุรกิจของเราไปสู่ดินแดนแห่งใหม่ได้อย่างไรบ้าง และต้องมีความมุ่งมั่นที่จะไปอย่างแรงกล้า และจากนั้นก็ลงมือเดินนำทางไปก่อนเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น