วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แค่ไม่ยอมเปลี่ยนบางอย่างให้ดีขึ้น กลับส่งผลมากกว่าที่คิด

change1234

เรื่องการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากขององค์กรในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงเอาระบบทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ที่ดีเข้ามาใช้ในองค์กร การทำให้ระบบเดิมดีขึ้น โดยการเปลี่ยนวิธีการคิดและการบริหารจัดการใหม่ ฯลฯ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ทำไปเพื่อให้องค์กรก้าวหน้า และไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น


ตัวอย่าง ขององค์กรหนึ่งต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องของระบบการขึ้นเงินเดือนตามผล งาน องค์กรนี้มีปัญหาก็คือ เราจะขึ้นเงินเดือนพนักงานอย่างไรดี เช่น มีงบประมาณอยู่ 5% แล้วเราจะแจกจ่ายให้พนักงานอย่างไร คำตอบที่ง่ายและตรงมากที่สุดก็คือ ขึ้นตามผลงาน ใครผลงานดี ก็ให้มากกว่าพนักงานที่ผลงานไม่ดี

ผมเชื่อว่าองค์กรส่วนใหญ่ก็คิดแบบ นี้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับบางองค์กรก็คือ ไม่รู้ว่าจะประเมินผลงานอย่างไร ก็เลยพยายามที่จะนำเอาเครื่องมือในการประเมินผลงานมากมายมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดเป้าหมายผลงานด้วย Balance scorecard บ้างก็ต่อยอดลงมาเป็น KPI ของหน่วยงาน ของตำแหน่งงาน และใช้ระบบที่เรียกกว่าบริหารผลงาน ฯลฯ เรียกได้ว่ามีการวางระบบที่ดีทุกอย่างเข้ามาใช้ในองค์กร เพื่อที่จะทำให้เราทราบว่าผลงานของพนักงานเป็นอย่างไร

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พอเอาไปใช้จริง กลับไม่สามารถใช้งานได้เลย เช่น KPI ที่วางไว้นั้น พอนำมากำหนดเป้าหมายที่เป็นตัวเลขลงไป ก็เริ่มมีประเด็นทะเลาะกันบ้าง ไม่เห็นด้วยกับเป้าหมายที่กำหนดบ้าง ยากไปบ้าง ง่ายไปบ้าง ทำไมฝ่ายเราถึงยาก ฝ่ายคนอื่นถึงง่าย แบบนี้ไม่เป็นธรรม ฯลฯ สุดท้ายเครื่องมือที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงสร้างมา ก็ใช้งานไม่ได้ เพราะไม่มีพนักงานยอมรับกัน สาเหตุก็คือ หนึ่งกลัวทำไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ และสองรู้สึกว่าหน่วยงานอื่นเป้าหมายง่ายกว่าเราเยอะมาก แบบนี้หน่วยงานอื่นก็ได้ A ง่ายกว่าเราสิ เราก็เสียเปรียบ เป็นต้น

พอทะเลาะกันมากๆ เข้า ผลสุดท้ายผู้บริหารก็ประกาศว่า ถ้าอย่างนั้นก็ให้ขึ้นเงินเดือน และให้โบนัสแก่พนักงานทุกคนแบบเท่ากันหมดก็แล้วกัน เพื่อตัดปัญหา เพราะไม่มีใครอยากให้ประเมินผลงาน แต่หารู้ไม่ว่าวิธีการนี้สร้างปัญหาแบบซึมลึก และฝังรากลึกมากจนแก้ยากในอนาคต ผลจากการตัดสินใจแบบนี้ของผู้บริหารก็คือ
  • พนักงานที่ทำงานดีเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีนะครับ เปลี่ยนแบบแย่ลงกว่าเดิม เพราะเรียนรู้ว่าทำดีก็ได้รางวัลไม่ต่างจากคนที่ทำไม่ดี แล้วจะเหนื่อยไปทำไม จากนั้นสิ่งที่เคยทำดี เคยรับผิดชอบก็ไม่เหมือนเดิม
  • คนเก่งเริ่มทยอยลาออก ระบบให้รางวัลแบบเท่ากันไปหมด พอใช้ไปนานๆ เข้า คนเก่งๆ ที่เป็น star ขององค์กรบางคนที่ไม่อยากลดระดับผลงานของตัวเองลง ยังคงคิดว่าตนยังสามารถทำงานได้ดีกว่านี้ และตนสามารถได้เงินเดือนขึ้น และโบนัสที่ดีกว่านี้ ก็จะหันไปหาองค์กรอื่นที่ดีกว่า แล้วสมองอันเลอเลิศขององค์กรเราก็ไหลออกไปองค์กรอื่นกันหมด
  • คนที่อยู่คือคนที่ไปไหนไม่ได้ ผลที่ตามมาก็คือ คนที่ยังคงทำงานอยู่ก็คือคนที่ทำงานแบบเรื่อยๆ เวลาผู้บริหารระดับสูงๆ อยากจะเปลี่ยนแปลงระบบอะไรสักอย่าง ก็จะยาก อยากให้พนักงานทำงานให้ดีขึ้น ยากขึ้น ก็ยากอีก เพราะคนเก่งๆ และคนที่สามารถผลักดันการเปลี่ยนแปลงได้นั้น ต่างพากันออกไปหมดแล้ว
  • ผลงานขององค์กรไม่ได้ดีขึ้น สุดท้ายผลงานที่ผู้บริหารคาดหวังว่าจะดี ก็ไม่สำเร็จ ก็เพราะด้วยคุณภาพของพนักงาน และพลังที่จะลงแรงสร้างผลงานนั้นมันหายไปจากพนักงานหมดแล้ว
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเรื่องจริงและเกิดขึ้นแล้วในองค์กรหลายแห่ง แค่เพียงผู้บริหารคิดง่ายๆ ว่า
  • "ระบบดีๆ เหล่านั้นมันยุ่งยากเกินไป เราใช้มันไม่ได้หรอก"
  • "มันไม่เหมาะกับองค์กรเราหรอก เพราะองค์กรเราไม่ใช่แบบนั้น"
  • "เรามันเป็นองค์กรที่เกิดขึ้นมานานแล้ว การจะเอาระบบแบบนี้มาใช้ มันก็ยาก"
  • "พนักงานของเราเขารับไม่ได้หรอก"
  • ฯลฯ
แล้วสุดท้ายก็กลับมาระบบเดิมที่บ่นว่ามีปัญหา และต้องการที่จะเปลี่ยน แต่พอเปลี่ยนเข้าจริง ก็บอกว่าใช้งานไม่ได้

ตกลงว่าประเด็นของปัญหามันอยู่ที่ระบบใหม่ใช้ไม่ได้จริงๆ หรืออยู่ที่เราไม่อยากใช้ เพราะกลัวปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

ไม่ใช่แค่เพียงระบบการประเมินผลงานและการขึ้นเงินเดือนที่กล่าวมาเท่านั้นนะ ครับ ยังมีระบบอื่นๆ อีกเยอะมาก ที่สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช้ แค่เพียงด้วยเหตุผลว่าวัฒนธรรมของเราไม่เหมาะ หรือ ด้วยเหตุผลที่ผู้บริหารกังวล ซึ่งจริงหรือไม่ เราก็ยังไม่รู้จริงๆ ดังนั้น ถ้าเราเชื่อว่าระบบนี้ดี เป็นสากล เป็นเป็นที่ยอมรับ มีความเป็นธรรม และเป็นระบบที่สามารถตอบโจทย์อนาคตของเราได้ ผู้บริหารเองก็ต้องพยายามหาทางที่จะทำให้ระบบเหล่านี้สามารถนำเข้ามาใช้งาน ได้จริงๆ โดยอาจจะใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ และเปลี่ยนวิธีการทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้พนักงานรู้สึกแบบไม่รุนแรงจนเกินไป

แล้วการเปลี่ยนแปลงนั้นจะส่งผลดีต่อองค์กรเองในอนาคต มิฉะนั้นแล้ว เราก็จะกลายเป็นองค์กรที่พูดว่า เคยทำมาหมดแล้ว ระบบต่างๆ ที่เขามีกัน แต่กลับไม่สามารถเอามาใช้ได้เลยสักระบบ ทั้งๆ ที่คนอื่นเขาก็ใช้กันได้อย่างดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น