วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

นิทานเซน พระกับมาร


วันนี้เอานิทานเซนดีๆ อีกเรื่องมาฝากกันครับ เรื่องราวมีดังนี้ครับ

มีนักวาดที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง ต้องการจะวาดภาพของพระและของมารแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่า ลักษณะของพระและมารควรจะเป็นอย่างไรและก็ไม่สามารถหาของจริงที่มาเป็นแบบ อย่างได้ จึงยังลงมือวาดไม่ได้สักที


ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังไหว้พระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง บังเอิญเห็นภิกษุรูปหนึ่งมีรูปหน้าและจริยาวัตรที่งดงามยิ่งนัก ลักษณะและท่าทางอย่างนั้นช่างดึงดูดใจนักวาดเช่นเขาเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงไปหาพระรูปนั้น และจ้างให้มาเป็นแบบด้วยราคาที่สูงเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากเมื่อวาดภาพนั้นเสร็จ ภาพนั้นก็ได้กลายเป็นภาพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วนักวาดนั้นกล่าวว่า “ตั้งแต่ที่ได้วาดภาพเป็นต้นมา ภาพนี้เป็นภาพที่ตนเองพอใจมากเป็นที่สุด เพราะใครๆที่มาเห็นภาพนี้ จะต้องนึกทันทีว่า นี่คือภาพพระพุทธที่แท้จริง รูปร่างหน้าตา และลักษณะที่เปี่ยมล้นด้วยความสงบและมีเมตตา ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นเกิดความพึงพอใจ และศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม"

และก็เป็นเพราะภาพภาพนี้ ผู้คนไม่ได้เรียกเขาว่านักวาดเหมือนเมื่อก่อน แต่ได้ฉายาใหม่ว่า “ปรมาจารย์แห่งนักวาด”

ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง จึงคิดจะวาดรูปมารขึ้นมา แต่ก็เกิดปัญหาที่ว่าไม่รู้จะหาลักษณะที่เป็นมารมาเป็นแบบได้จากที่ไหน? เขาเดินไปหาอยู่หลายที่ เพื่อจะหาคนที่มีลักษณะดุร้ายโหดเหี้ยม แต่หาอย่างไรก็ไม่ถูกใจสักคน สุดท้ายก็ไปหาเจอในคุกแห่งหนึ่งนักวาดนั้นดีใจยิ่งนัก เพราะการจะไปหาคนๆหนึ่งที่หน้าเหมือนมารจริงๆนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

เมื่อเขาเข้าไปเจรจากับนักโทษนั้น นักโทษนั้นร้องไห้คร่ำครวญออกมาว่า“ทำไม เมื่อตอนที่จะวาดรูปพระ คนที่ท่านหาก็คือข้า ตอนที่จะวาดภาพมารคนที่ท่านหาก็ยังคงเป็นข้า เป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าจากพระกลายเป็นมาร”

“เป็นไปได้อย่างไร? คนที่เป็นแบบให้ข้าวาดภาพพระ ลักษณะดีเลิศผิดผู้อื่น แต่เจ้าดูทีเดียวก็รู้แล้วว่า เหมือนลักษณะของมารอย่างแท้จริงแล้วจะเป็นคนๆเดียวกันได้อย่างไร?”

คนคนนั้นพูดอย่างปวดร้าวใจ “ตั้งแต่ ได้เงินก้อนใหญ่จากเจ้า ได้แต่ไปหาความรื่นเริงบันเทิงใจทุกวัน ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนเงินหมด แต่ความหลงอยู่ในความมัวเมาเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมจะหยุดลงได้ยากดังนั้น ข้าจึงไปปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์ ขอเพียงให้ได้เงิน ไม่ว่าเรื่องที่ทำจะเลวร้ายอย่างไรข้าก็ทำ ที่สุดก็กลายมาเป็นสภาพอย่างที่ท่านเห็น”

นักวาดเมื่อได้ฟังจนจบ รู้สึกสังเวชใจยิ่งนัก รู้สึกพรั่นพรึงถึงจริตนิสัยของคนเรา ที่สามารถถูกกิเลสลากจูงไปได้อย่างรวดเร็ว สภาพจิตของคนช่างอ่อนแอ พลังดึงดูดของกิเลสก็ช่างแข็งแกร่งความเปลี่ยนแปลงของคนๆนี้ทั้งหมด

อ่านจบแล้วรู้สึกอย่างไรครับ ใครที่เป็นคนผิดกันแน่ จิตรกรที่วาดรูปพระ หรือตัวพระเองกันแน่ จริงๆ แล้วชีวิตของคนเรานั้น จะดี หรือไม่ดี ก็อยู่ที่ตัวเราเองทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่ที่คนอื่นเลย คนอื่นอาจจะมีผลกระทบต่อเราก็จริง แต่ถ้าเรามีจิตใจที่มั่นคง ความสำเร็จทุกอย่างก็จะมาได้ไม่ยาก

ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราเองทั้งสิ้นครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น