วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

การบริหารพนักงาน Gen Y กับแนวคิด 3R (ตอนจบ)


แนวทางการบริหารพนักงาน Gen Y ตามหลักของ Donald R. Hillman ที่เขียนไว้ในหลักการ 3R ในนิตยสาร HR Professional เดือนธันวาคม 2556 ก็ได้มาถึงตอนสุดท้ายแล้ว หลังจากที่เรารับคน Gen Y เข้ามา เราสร้างระบบ สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ทำให้คนกลุ่มนี้รู้สึกถึงความสุข และความสัมพันธ์ต่างๆ ที่ดี จากนั้นก็ต้องหาวิธีการว่า จะทำอย่างไรที่จะทำให้คน Gen Y อยู่ทำงานสร้างผลงานให้กับบริษัทต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะพนักงาน Gen Y ที่มีศักยภาพสูงๆ เราจะมีวิธีการเก็บรักษาคนกลุ่มนี้ได้อย่างไร


จากสองตอนที่ผ่านมา ผู้เขียนบทความได้พูดถึงแนวทางการบริหารพนักงาน Gen Y โดยใช้หลัก 3R ซึ่งผมได้สรุปไปแล้ว 2R ก็คือ Recruit และ Relate วันนี้ก็มาต่อกันใน R สุดท้ายก็คือ Retain ซึ่งก็คือ การเก็บรักษาพนักงานที่มีศักยภาพสูงไว้ทำงานกับบริษัทนั่นเอง

Retain: การเก็บรักษาพนักงาน

จากงานวิจัยเรื่องของการเปลี่ยนงานของ Gen Y ก็พบว่า คนรุ่นนี้โดยเฉลี่ยแล้วเปลี่ยนงาน 7 ครั้ง และเปลี่ยนสายอาชีพ 3 ครั้งใน 10 ปีแรกของการทำงาน ซึ่งก็มีผลทำให้การทำงานของบริษัทขาดช่วง ขาดตอนไป ต้องหาคนใหม่เข้ามาพัฒนากันใหม่ตลอดเวลา เนื่องจากคน Gen Y เป็นกลุ่มคนที่กระหายความรู้ อยากได้ความรู้ใหม่ๆ อยากทำงานที่ท้าทายใหม่ๆ เสมอ และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะความรู้รอบตัวต่างๆ ที่จำเป็นในการทำงานนั้น คนรุ่นนี้รู้น้อยลงมากเมื่อเทียบกับคนรุ่นเดิมๆ ก็เลยมีส่วนทำให้คนรุ่นนี้ต้องการความรู้ ต้องการการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากที่เคยได้เรียนมา

แล้วเราจะทำอย่างไรให้ Gen Y อยู่ทำงานกับบริษัทโดยไม่เปลี่ยนงานมากอย่างที่ค่าเฉลี่ยของงานวิจัยเขาระบุ ไว้ สิ่งที่บริษัทจะต้องดำเนินการเพื่อเก็บรักษาคน Gen Y ไว้ก็คือ
  • สร้างระบบความก้าวหน้าทางสายอาชีพของแต่ละวิชาชีพในบริษัท (Career Path) ซึ่งเส้นทางความก้าวหน้านี้ก็ให้รวมถึงแนวทางในการพัฒนาความรู้ ทักษะ ความสามารถต่างๆ ด้วย เพื่อให้พนักงานกลุ่มนี้ได้รับทราบว่า ถ้าทำงานที่นี่แล้วเขาสามารถที่จะเติบโตและได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย
  • นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น คน Gen Y จะคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอด เพราะเกิดมาก็พบกับสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็เลยอยากทำงานกับองค์กรที่มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความ ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ มีของเล่นใหม่ๆ มาให้เขาเล่น เพื่อใช้ในการทำงาน คนรุ่นนี้จะชอบมาก นอกจากนั้น ถ้าเราสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้เพื่อมาใช้ในการพัฒนาพนักงานในบริษัทของเราด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้คนรุ่นนี้ชอบใจมากขึ้นไปอีก เพราะนอกจากได้ความรู้ใหม่ๆ แล้ว องค์กรเองยังมีความทันสมัย มีเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ๆ ที่ทันสมัยมาให้ใช้อยู่เสมอ
  • สร้างบรรยากาศในการทำงานที่สนับสนุนการทำงานของ Gen Y นอก จากการเติบโตในสายอาชีพ ความรู้ใหม่ๆ ทักษะใหม่ๆ ที่ต้องการพัฒนาแล้ว คนรุ่นนี้จะต้องการการสนับสนุนการทำงานจากทั้งเพื่อนร่วมงาน จากหัวหน้า และจากผู้บริหารขององค์กร ดังนั้นถ้าองค์กรสามารถที่จะสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ส่งเสริมความ สัมพันธ์ที่ดี มีการช่วยเหลือกัน มีการสนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน และสอนงาน ให้คำแนะนำกันอยู่เสมอ ก็จะทำให้คน Gen Y รู้สึกชอบ และอยากอยู่ทำงานกับบริษัทแบบนี้ไปนานๆ
นี่คือหลัก 3R ของ Donald R. Hillman ที่ได้เขียนไว้ เพื่อให้การบริหารคน Gen Y มีประสิทธิผลมากที่สุด ก็คงต้องนำไปประยุกต์และปรับใช้งานเพื่อให้เข้ากับลักษณะการทำงานของบริษัท ของเราเองด้วยเช่นกัน บางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลาในการวางระบบที่นานหน่อย บางเรื่องอาจจะลงมือทำได้เลย
สิ่งที่บริษัทต้องพิจารณาต่อไปก็คือ บริษัทของเราแนวโน้มของคน Gen Y จะมีมากขึ้นสักแค่ไหน ก็คงต้องค่อยๆ ปรับวิธีการทำงาน และวิธีการบริหารทรัพยากรบุคคลให้สอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นนี้

ถึงอย่างไรเราก็หลีกเลี่ยงคนรุ่นนี้ไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่องค์กรต้องทำก็คือ ปรับตัว ปรับใจ ของทุกคนในองค์กรเพื่อทำความเข้าใจคนรุ่นนี้  รวมทั้งทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วย เพราะสิ่งนี้ทำให้พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ๆ ที่จะเข้ามาทำงานในตลาดแรงงานนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ระบบการทำงานของบริษัทเราก็คงต้องปรับให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่จะ เกิดขึ้นด้วย

และนี่ก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งของฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ในองค์กรที่ต้องช่วยกันมองไปข้างหน้าถึงสภาพการทำงานที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไป ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และนำพาองค์กรสู่ยุคใหม่ของการบริหารทรัพยากรบุคคลให้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น