ข้อพึงระวังในการสรรหาว่าจ้างพนักงาน

ในการสรรหาคัดเลือกพนักงานเข้ามาทำงานในบริษัทนั้น จะว่าเป็นเรื่องง่าย มันก็ง่าย แต่จะว่ายาก มันก็ยากเช่นกัน สิ่งที่องค์กรอยากได้ก็คือ พนักงานที่มีความรู้ความสามารถ และมีความเหมาะสมในการทำงานในตำแหน่งงาน และเหมาะสมต่อองค์กร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การที่เราจะหาพนักงานแบบนั้นได้นั้น เป็นเรื่องยากเหมือนกัน กว่าจะได้พนักงานมาสักคนที่ดี ที่เหมาะสมนั้น ดูเหมือนในปัจจุบันนี้จะยิ่งหายากขึ้นทุกวัน


การสรรหาคัดเลือกพนักงานที่ดีเข้ามาทำงานนั้น ถ้าจะว่ากันให้ลึกแล้ว ไม่ได้อยู่ที่วิธีการสรรหาและคัดเลือกเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่องค์กรประกอบอื่นๆ ในระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัทด้วย นอกจากนี้แล้ว ยังอยู่ที่ภาพลักษณ์ของบริษัทอีกด้วย

อย่างไรก็ดีในการสรรหาคัดเลือกพนักงานเข้ามาทำงานนั้น คงต้องมีข้อควรระวังอยู่บ้าง เพื่อที่จะได้พนักงานที่ดี และมีความเหมาะสมกับบริษัท

• เลือกที่ความเก่ง หรือเลือกที่เหมาะกับบริษัท ประเด็นแรกที่มักจะได้ยินเข้าหูเสมอก็คือ บริษัทเราเลือกคนที่ความเก่งของเขา หรือเลือกที่เขาสามารถทำงานเข้ากับวัฒนธรรมของบริษัทได้ ผมเองก็เคยเจอมากับตัว เพราะเลือกจากความเก่งเพียงอย่างเดียว ตอนนั้นมองว่า เราต้องการพนักงานที่สามารถเข้ามาทำงานได้เลย และมีความสามารถสูงๆ หน่อย เลือกได้ ก็เอาเลย จากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ความเก่งของพนักงานคนนั้นไม่สามารถที่จะทำให้เขาแสดงผลงานที่ดีออกมาได้เลย เนื่องจากเขาไม่สามารถที่จะทำงานร่วมกับพนักงานคนอื่นๆ ในองค์กรได้ และไม่สามารถทำงานเข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรได้เช่นกัน อยู่ไม่นานก็ต้องลาออกไป ช่วงหลังเวลาที่ผมเลือกพนักงานเข้าทำงาน ผมจะให้น้ำหนักไปที่เรื่องของพฤติกรรมในการทำงานว่าจะเข้ากับวัฒนธรรมของ องค์กรเราได้มากแค่ไหน แล้วจึงค่อยพิจารณาความเก่งของพนักงานตามมาครับ

• เลือกเร็วๆ หรือค่อยๆ หา เรื่องของเวลาในการสรรหาคัดเลือก ก็เป็นประเด็นที่สำคัญเช่นกันครับ บางองค์กรเร่งมาก ต้องรีบหาคนให้ได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งหาให้เร็วก็จะได้คนที่ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้ใช้เวลาที่เพียงพอในการพิจารณาผู้สมัครแต่ละคน เท่าที่ผมประสบมา พนักงานส่วนใหญ่ที่เราหาด้วยระยะเวลาที่เร่งรีบมากเกินไป มักจะเป็นพนักงานที่มีปัญหาในการทำงานกับองค์กร สาเหตุก็คือ ไม่สามารถเข้ากับวัฒนธรรมการทำงานขององค์กรได้เลย เนื่องจากเรารีบหาจนเกินไป แต่ถ้าเราปล่อยไปเรื่อยๆ ไม่ตัดสินใจสักที เราก็จะไม่มีพนักงานเข้ามาทำงานได้ทันตามที่กำหนดไว้เช่นกัน ปกติระยะเวลาในการสรรหาคัดเลือกพนักงานตามผลการสำรวจนั้น อยู่ที่เฉลี่ย 2 เดือนนับจากวันที่ประกาศรับสมัคร ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

• ไม่มีการตรวจสอบประวัติ เรื่อง ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือในการคัดเลือกพนักงานนั้น เราควรจะมีการตรวจสอบภูมิหลังและประวัติการทำงานบ้าง โดยเฉพาะกับพนักงานที่มีประสบการณ์ในการทำงานมาบ้าง เนื่องจากใบ Resume ที่ทำกันนั้น คนทำอยากจะเขียนอะไรก็ได้ เพื่อที่จะโฆษณาตัวเองลงไปให้ได้มากที่สุด ดังนั้นถ้าเราไม่มีการตรวจสอบเราก็อาจจะได้คนที่มีภูมิหลังที่ไม่ค่อยดีก็ เป็นได้ เช่น บางคนมีปัญหาทางด้านสุขภาพ หรือทางด้านจิตใจที่รุนแรงมาก บางคนมีคดีความติดตัว ฯลฯ ผลก็คือทำให้เราได้พนักงานที่ไม่พร้อมที่จะทำงานให้เรา แถมบางครั้งยังนำปัญหามาให้กับองค์กรเราอีกด้วย

• ประวัติการทำงานยาวเหยียด ผม ไม่แน่ใจว่าถ้าท่านผู้อ่านได้รับ Resume ของผู้สมัครงานที่มีประวัติการทำงานยาวเหยียด ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มากมาย ผ่านบริษัทต่างๆ มากมาย แต่แต่ละที่ใช้เวลาในการทำงานไม่เกิน 1-2 ปี ถ้าเราไม่พิจารณาให้ละเอียดว่าแต่ละที่ที่ผ่านมานั้น ผู้สมัครเขาทำงานอะไรบ้าง มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ลึกแค่ไหน ฯลฯ เราก็อาจจะได้พนักงานที่ไม่เหมาะกับเราอีกเช่นกัน ผมเอง ถ้าเจอประวัติยาวๆ แบบนี้ ผมจะถามลึกเลยว่าแต่ละที่ทำอะไรมาบ้าง ผ่านอะไรมาบ้าง มีปัญหาอะไร แก้ไขปัญหาอย่างไร ได้เรียนรู้อะไรบ้าง ฯลฯ เอาให้ลึกกันเลย เพื่อจะได้รู้ว่าเขามีความเก่งกาจสามารถตรงกับประสบการณ์ที่เขาเขียนมาหรือ ไม่

ข้างต้นก็เป็นประเด็นที่พึงระวังในการสรรหาคัดเลือกพนักงาน ใหม่ ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่ควรจะสร้างให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อให้การสรรหาคัดเลือกของบริษัทมีความง่ายมากขึ้นก็คือ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรให้เกิดขึ้นให้ได้ และสร้างจุดเด่นขององค์กร และสื่อจุดเด่น และวัฒนธรรมหลักขององค์กรให้กับสังคมได้รับทราบบ้าง ถ้าจะยกตัวอย่างบริษัทระดับโลก ก็เช่น Southwest airline เขาบอกไว้อย่างชัดเจนมากว่าองค์กรนี้เป็นองค์กรสำหรับพนักงานที่ชอบอิสระใน การที่จะคิดริเริ่มอะไรใหม่ๆ เพื่อสร้างการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า ดังนั้น ก็จะดึงดูดคนที่ต้องการจะทำงานแบบนี้มาสมัคร ส่วนคนที่ไม่ชอบแนวคิดแบบนี้ ก็จะไม่มาสมัครงานกับเขา ซึ่งทำให้บริษัทสามารถที่จะคัดเลือกพนักงานที่มีความเหมาะสมได้ดียิ่งขึ้นไป อีกครับ