วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

ฟังมากกับพูดมาก กับผู้นำที่ดี


มีข้อถกเถียงกันอยู่พอสมควรว่า ผู้นำที่ดีนั้นควรจะพูดมาก หรือฟังให้มาก บางมุมมองก็มองว่าหน้าที่ของผู้นำก็คือ การนำคนอื่นดังนั้นผู้นำที่ดีจะต้องพูดให้คนอื่นเข้าใจ และเห็นภาพ เพื่อที่จะได้ทำตามในสิ่งที่ผู้นำต้องการได้ บางมุมมองก็บอกว่า ถ้าผู้นำไม่ฟังให้มาก ก็จะไม่มีทางเข้าใจผู้ตามได้เลย เมื่อไม่เข้าใจผู้ตาม การที่จะทำให้ผู้ตามมาเชื่อมั่น และเชื่อถือเรามันก็ยากอีกเช่นกัน แล้วตกลงผู้นำที่ดีต้องพูดมากๆ เข้าไว้ หรือต้องฟังให้เยอะเข้าไว้กันแน่


ถ้าถามผม ผมก็ตอบได้เลยว่า ผมไม่ทราบครับ ว่าจริงๆ แล้วผู้นำที่ดีจะต้องพูดเยอะ หรือฟังเยอะ แต่ลองมาดูกรณีศึกษาที่ผมประสบมากับผู้นำขององค์กรบางองค์กรกันสักหน่อย เผื่อจะเป็นแนวทางให้คิดต่อกันได้มากขึ้น (ผู้นำที่ผมหมายถึงนี้จะเป็นผู้นำในองค์กรนะครับ ไม่ใช่ผู้นำการชุมนุมหรืออะไรแบบนั้นนะครับ)

ผมได้มีโอกาสไปนำเสนองาน กับผู้บริหารระดับสูง ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นผู้นำขององค์กรธุรกิจแห่งหนึ่ง ระหว่างที่รอผู้เข้าร่วมประชุมท่านอื่นๆ ให้ครบ ตัวผู้นำเองก็ชวนผมคุยไปเรื่อยๆ เริ่มจากแนะนำตัวเอง เล่าประสบการณ์ตัวเองให้ฟัง ตั้งแต่เรียนจบทำงานอะไรมาบ้าง ผ่านอะไรมาบ้าง เก่งอะไรบ้าง รู้อะไรบ้าง เคยเจออุปสรรคอะไรมาบ้าง ฯลฯ ผมเองได้แต่นั่งฟังอย่างเดียว พร้อมกับคำว่า “ครับ” ไปเป็นระยะๆ ท่านพูดจนผู้เข้าร่วมประชุมเข้าครบองค์ประชุมแล้ว ก็ยังไม่ยอมหยุด จนเลขาของท่านต้องเดินเข้ามากระซิบข้างหูว่า “ครบองค์แล้วค่ะท่าน เริ่มประชุมได้เลย” ท่านถึงหยุดเรื่องของท่าน แต่เปลี่ยนเรื่องเป็นเรื่องที่จะประชุมกันแทน

ท่านก็แนะนำผม และให้ผมเริ่มนำเสนองานได้ ผมเสนอได้ไม่ถึง 5 นาที ท่านก็พูดแทรกขึ้นมา พร้อมกับให้ความคิดเห็นทันทีว่าอะไรที่เห็นด้วย และอะไรที่ยังไม่เห็นด้วย จากนั้นก็เริ่มถามไปเรื่องที่ไกลขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องที่ถามนั้นจะอยู่ในการนำเสนอของผมในลำดับถัดๆ ไปอยู่แล้ว ผมก็ตอบไปว่าเดี๋ยวจะพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ตอนนี้ขอกลับมาต่อในเรื่องเดิมก่อน พูดจบผมก็จะเริ่มต้นพูดต่อ แต่ก็อ้าปากค้างครับ เพราะท่านก็พูดต่ออีกว่า เรื่องที่ผมนำเสนอนั้นท่านเองได้เคยผ่านงานนี้มาก่อน ได้เคยทำมาก่อน เคยรู้มาก่อน ไม่ใช่ไม่รู้นะ เริ่มพูดเข้าเรื่องประสบการณ์ของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เชื่อมั้ยครับเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง การนำเสนอยังไม่สามารถเดินไปถึงไหนได้เลย เพราะผู้นำมัวแต่พูดไปเรื่อยๆ นอกเรื่องไปเรื่อย พอเข้าเรื่องก็ดึงออกนอกเรื่องไปอีก พอหมดเวลา ก็มาบอกผมว่า ผมยังไม่ได้นำเสนอเรื่องนั้นเลย ผมก็อึ้งไป เพราะจริงๆ แล้วในการนำเสนอที่ผมเตรียมมานั้น มีครบทุกเรื่องที่ต้องมานำเสนอกับคณะกรรมการบริษัทนั้นอยู่แล้ว

ผ่านไปอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ ผมต้องไปนำเสนอผลงานกับลูกค้าอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นผู้นำของบริษัทเช่นกัน แต่คราวนี้กลับตรงกันข้ามกับครั้งที่แล้ว ผู้นำท่านนี้พูดคุยอย่างเป็นกันเองตามปกติ พอเข้าเรื่องประชุม ท่านนั่งฟัง ฟังอย่างตั้งใจ และฟังอย่างพยายามทำความเข้าใจ จดไปด้วย มีการสอบถามประเด็นที่ผมยังพูดไม่ชัดเจนบ้าง ให้ผมอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมบ้าง พอนำเสนอจบ ท่านก็เริ่มพูดบ้าง เริ่มสอบถาม โดยไล่ไปทีละประเด็น ผมเองก็ตอบไปทีละประเด็นเช่นกัน แล้วการประชุมก็จบลงด้วยความเข้าใจ และครบถ้วนตามวาระที่นำไปนำเสนอ

ผมเห็นอะไรระหว่างผู้นำสองคนนี้
  • คน แรกไม่ฟังอะไรเลย ไม่พยายามทำความเข้าใจในมุมมองของคนอื่น แต่มักจะเอาไปเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของตนเองในอดีต ซึ่งอาจจะใช้ได้ หรือใช้ไม่ได้ กับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทก็ได้
  • คนแรก ไม่มีการคิดต่อในมุมของการทำงานในบริษัท แต่คิดต่อว่าตนเองเคยผ่านอะไรแบบนี้มาแล้ว และโชว์ความเจ๋งของตนเองให้กับผู้อื่นได้เห็น โดยที่ไม่สนใจว่าประชุมครั้งนี้เรามีวัตถุประสงค์อะไร
  • คน ที่สอง ฟังอย่างตั้งใจ และฟังอย่างเข้าใจ พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นพูดมา ไม่เข้าใจก็สอบถาม คุยกันโดยมีวัตถุประสงค์ของการประชุมเป็นหลัก
  • คนที่สองไม่ เคยโม้ประสบการณ์ที่ผ่านมาให้ผมได้ยินเลย แต่ผมกลับรู้สึกว่า ท่านน่าจะผ่านประสบการณ์การทำงานมาเยอะทีเดียว ท่านสามารถจับประเด็นได้ดีมาก มองภาพออกเป็นจุดๆ ผิดกับท่านแรกที่ไม่ฟัง พอไม่ฟังก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่คุยกันนั้นมีประเด็นอะไร เอะอะก็วกเข้าเรื่องของตัวเองเป็นหลัก
ด้วยลักษณะของผู้นำสองคน ที่ผมเห็นและประสบมานี้ ผมคิดว่า คนที่เป็นผู้นำที่ดีนั้นน่าจะต้องเป็นคนที่ฟังให้มากกว่าพูด เพื่อที่จะได้เข้าใจคนอื่นก่อนว่าคนอื่นคิดอย่างไร เมื่อเข้าใจแล้ว ค่อยพูดออกมา ซึ่งการพูดนี้ก็จะเป็นการพูดที่มองเห็นภาพรวมที่ชัดเจนแล้ว มีความเข้าใจประเด็นต่างๆ แล้ว การพูดแบบนี้จะมีคุณค่ามากกว่า การพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่มีประเด็นอะไรเลย มีแค่อย่างเดียวก็คือ ต้องการแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ท่านเคยเป็น เคยทำ เคยอยู่ เคยมีประสบการณ์แบบนั้นมาก่อน

แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ เห็นอย่างไร

บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมที่ประสบกับเหตุการณ์ดังกล่าวมา ซึ่งอาจจะถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง ซึ่งก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น สิ่งที่ต้องการก็คือ อยากให้ท่านผู้อ่านนำไปคิดต่อยอดกันต่อเพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้นำที่ดีต่อไปครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น