มีเพื่อนๆ เล่าให้ฟังว่า เข้าไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งได้สักพัก ก็เริ่มรู้จักพนักงานมากขึ้น และพอได้ทำงานด้วยกันไปพักใหญ่ ก็เริ่มเห็นอุปนิสัยใจคอที่แปลกแตกต่างกันออกไปในพนักงานแต่ละคน ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องปกติของพนักงานแต่ละคนที่จะมีความแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เพื่อนผมเล่าให้ฟังก็คือ เปลี่ยนงานมาไม่ว่าจะกี่ที่จะต้องเจอกับพนักงานอยู่ลักษณะหนึ่ง ที่มักจะไม่เป็นที่ต้องการขององค์กร พนักงานคนนี้ จะเป็นอุปนิสัยที่ไม่เหมือนใคร และมักจะเป็นตัวปัญหาขององค์กรเสมอ
ทุกองค์กรย่อมจะต้องเจอกับพนักงานที่เป็นตัวปัญหาไม่มากก็น้อย ผมเองยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า จะมีองค์กรไหนบ้างที่สามารถที่จะสรรหาคัดเลือกพนักงานเข้ามาทำงานแล้ว ไม่มีพนักงานที่เป็นตัวปัญหาเลย เรามาลองดูลักษณะของพนักงานคนนี้กันว่า เขาทำตัวเป็นปัญหาอย่างไร
- เป็นคนที่ทำตัวรู้ไปซะทุกเรื่อง จุดเด่นที่สุดของพนักงานคนนี้ก็คือ มักจะทำตัวเป็นผู้รู้ไปซะทุกเรื่อง เวลาที่พนักงานคนอื่นคุยอะไรกัน ตามโต๊ะอาหาร หรือช่วงเวลาพักทานข้าว พนักงานคนนี้จะต้องขอเข้าไปมีส่วนร่วมในสิ่งที่คนอื่นคุยกัน และมักจะแสดงความคิดเห็นอย่างอวดตัว ว่า ตนเองรู้เรื่องเหล่านี้ดี มีหลักการชัดเจน มีอ้างทฤษฎีมากมาย นอกจากนั้นยังพยายามข่มคนอื่นที่คุยด้วย ว่าไม่มีใครที่จะมารู้เท่าเขาแน่นอน แต่ถ้าเมื่อไหร่เจอคนที่รู้จริงๆ ขึ้นมา พนักงานคนนี้ก็จะไม่เข้ามายุ่งด้วยเลย ไม่แม้แต่จะแสดงความเห็นอะไรใดๆ เพราะกลัวเสียฟอร์ม แต่จะเลี่ยงไปไกลๆ ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย พนักงานคนอื่นส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ค่อยชอบเวลาที่พนักงานคนนี้เข้ามาร่วมวง ด้วย บางครั้งแค่พนักงานคนนี้เดินโฉบเข้ามา ก็วงแตกทันที
- เป็นนักวิพากษ์วิจารณ์ตัวแม่ พอ เป็นคนที่ชอบทำตัวรู้มาก ก็เลยมักจะเป็นนักวิจารณ์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมองคนอื่นว่าทำอะไรไม่เคยดีเลย เรียกได้ว่า ตัวเองดีที่สุด แต่คนอื่นไม่มีอะไรดี เวลาที่ใครทำอะไรออกมา แม้ว่าพนักงานคนอื่นจะมองว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่พนักงานคนนี้จะต้องขอวิจารณ์แบบแรงๆ ให้สะใจตัวเองซักหน่อย โดยไม่สนใจว่า สิ่งที่คนนั้นทำจะออกมามีประโยชน์ต่องาน และต่อองค์กรสักแค่ไหน แต่พนักงานคนนี้ก็จะมีอะไรที่ต้องติ ต้องเตียนกันตลอด เรียกได้ว่าไม่เคยเห็นอะไรดีในสายตา จริงๆ อาจจะเป็นเพราะอิจฉาหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่ทราบได้เหมือนกันนะครับ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ พอถึงเวลาที่ตนเองทำงานในผลงานของตนเอง กลับทำออกมาได้ไม่ดีไปกว่าคนอื่นเลย อาจจแย่กว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป แบบนี้เราเรียกว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง พนักงานลักษณะนี้มักจะไม่ค่อยได้รับความเชื่อถือจากคนอื่น และทำงานแบบไม่ค่อยเจริญก้าวหน้าเท่าไหร่ เพราะไม่มีใครเอา แม้แต่หัวหน้าเขายังระอาเลย แล้วจะเอาอะไรกับคนอื่น หัวหน้าบางคนก็มองว่า “ก็ รู้ดีอยู่แล้ว อะไรๆ ก็รอบรู้ไปหมด วิจารณ์คนอื่นได้เป็นฉากๆ ดังนั้นก็ไม่ต้องพัฒนาแล้ว เพราะไม่เห็นจะบอกเลยว่าไม่รู้เรื่องอะไรบ้าง ถามอะไรก็รู้ไปหมด”
- เป็นนักปฏิเสธตัวยง พนักงาน คนนี้นอกจากวิจารณ์ไปทั่วแล้ว สิ่งทีเกิดขึ้นก็คือ เวลาสอบถามอะไรกับพนักงานคนนี้สิ่งที่มักจะได้รับคำตอบก็คือ “ไม่ทราบ” “ไม่รู้” “ไม่แน่ใจ” ทั้งๆ ที่วิจารณ์คนอื่นได้เยอะแยะ แต่พอถามความเห็นกลับตอบไม่ได้ นอกจากนั้นเวลาที่ถามว่า จะเอาระบบงานใหม่ๆ เข้ามาใช้ในบริษัท พนักงานคนนี้ก็มักจะบอกว่า มันไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ตนเองก็ยังไม่ได้รู้เรื่องนั้นอย่างลึกซึ้งเลย ตัวอย่างที่เพื่อนผมเล่าให้ฟัง ก็คือ เวลาที่มีโปรแกรมwindow รุ่นใหม่ๆ ออกมา เช่นล่าสุดเป็น window8 ก็จะมาวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันออกมาได้อย่างไรแบบนี้ ไม่ดีแบบนั้น ไม่ดีแบบนี้ ไม่น่าใช้อย่างนั้นอย่างนี้ (ถ้ามันไม่ดีจริงๆ เขาคงไม่ทำออกมาหรอกครับ คนพวกนี้ต้องคิดไว้แล้วว่ามันจะต้องมีอะไรที่ดีขึ้นบ้างอยู่แล้ว ใครจะทำงานแย่ลงบ้างล่ะครับ จริงมั้ยครับ เพียงแต่อาจจะมีบางอย่างที่เรายังไม่ถนัดที่จะใช้มันมากกว่า) ที่สำคัญก็คือ เวลาบอกเราว่าไม่ดี ไม่เอา ไม่ทำ ไม่แน่ใจ แต่พอถามว่า แล้วคุณมีความคิดเห็นอย่างไร คำตอบที่ได้ก็คือ “ไม่ทราบ”
- เป็นคนที่ไม่สร้างผลงานอะไรเลย เพราะ ด้วยความที่พนักงานคนนี้เป็นคนมองแต่คนอื่นในแง่ร้ายไปหมด อีกทั้งมองว่าคนอื่นไม่เคยดีเลย จริงๆ แล้วคนแบบนี้น่าจะทำงานออกมาได้ดีกว่าคนอื่น เพราะด้วยการที่เหมือนจะรู้มากกว่าคนอื่น แต่ในทางปฏิบัติจริงกลับกลายเป็นตรงกันข้ามไปหมด พนักงานคนนี้มักจะเป็นคนที่ไม่สร้างสรรค์ผลงานอะไรเลย มีแต่วิพากษ์วิจารณ์คนอื่น แต่พอถึงเวลาให้ทำงานกลับทำงานที่ตนเองรับผิดชอบได้ไม่ดีเลย หัวหน้างานบางคนก็มองว่า ไหนๆ ก็รู้ดี และวิจารณ์ได้อย่างมากมาย ก็เลยมอบหมายงานให้พนักงานคนนี้ไปทำแทนคนที่ทำได้ไม่ดี เพราะคิดว่าน่าจะทำได้ แต่ผลก็คือตรงกันข้ามหมด พนักงานคนนี้กลับทำอะไรไม่เป็นเลย ตำหนิว่าคนอื่นบริหารไม่ดี แต่พอให้บริหารกลับทำแย่กว่าอีกก็มี บอกว่าคนอื่นไม่ดีแบบนั้น พอให้ทำเอง ก็ทำไม่ได้ดีไปกว่าที่ว่าคนอื่นไว้
- ไม่ได้รู้ดี แต่ทำเป็นรู้ดี อีก สิ่งหนึ่งที่มักจะเห็นจากพนักงานคนนี้ก็คือเวลาที่เขาไปรู้อะไรใหม่ๆ มา และเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเป็นที่น่าสนใจ เขาก็จะยึดเอาสิ่งที่เขารู้นี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดีที่สุด อย่างอื่น เรื่องอื่นมาสู้เรื่องที่เขาศึกษามาไม่ได้เลย บางครั้งรู้แค่เพียงผิวๆ เท่านั้น รู้แบบไปลอกคนอื่นมา แต่กลับพูดเหมือนกับว่าเป็นคนคิดเรื่องนั้นขึ้นมาเอง บางครั้งก็พูดผิดๆ ไป แต่เป็นเพราะคนอื่นไม่รู้เรื่องก็เลยกล้าพูด แต่พอเจอคนรู้จริงขึ้นมา คนๆ นี้ก็จะหมดความน่าเชื่อถือลงทันที
แต่ทำงานอยู่แบบคนอื่นไม่ค่อยชอบ เข้ากับคนอื่นไม่ได้ และที่สำคัญอยู่แบบเป็น Deadwood ของบริษัท เพราะหัวหน้าก็ไม่อยากจะยุ่งด้วยเพราะเอือมระอากับพฤติกรรมที่แสดงออก พนักงานเองก็ไม่อยากสุงสิง เพราะเบื่อกับพฤติกรรมที่เห็น อยู่แบบนี้ก็คงไม่ค่อยจะมีความสุขสักเท่าไหร่
ถามว่าไม่มีความสุขแล้วทำไมไม่ออกไปซะ คำตอบง่ายๆ ครับ “เพราะไม่มีใครเอาไงครับ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น