นายจ้างบางคนไม่เคยคิดที่จะวางแผนฝึกอบรมพนักงานเลยทั้งภายในและภายนอก เพราะฝังใจอยู่อย่างเดียวกว่าอบรมไปแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมาเลย เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ผมคิดว่าจริงๆ แล้วที่ทำให้การฝึกอบรมไม่เกิดผลอย่างที่ตั้งใจมันมีสาเหตุนะครับ เพราะถ้าการฝึกอบรมไม่ได้ผลอย่างที่ว่าจริงๆ ผมคิดว่าธุรกิจนี้ก็คงจะล้มหายตายจากไป และฝ่ายฝึกอบรมก็คงตกงานกันหมด
เราลองมาดูวิธีการที่จะทำให้การฝึกอบรมได้ผลกันสักหน่อย
- หัวหน้างาน หรือผู้จัดการจะต้องเป็นผู้วางแผนการฝึกอบรมให้กับพนักงานแต่ละคนด้วยตนเอง โดยพิจารณาจากจุดแข็ง จุดอ่อนของพนักงาน และพิจารณาเป้าหมายและความก้าวหน้าที่เราตกลงร่วมกัน จากนั้นก็วางแผนว่าในแต่ละปีจะต้องพัฒนาเรื่องอะไรบ้าง อะไรที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่ใช่รอให้ฝ่ายบุคคลมาถามว่า “ตอนนี้มีหลักสูตรนี้ ใครสนใจจะส่งพนักงานไปเรียนบ้าง” ถ้าเป็นการสอบถามของ HR นั่นก็แปลว่า ผู้จัดการของหน่วยงานนั้น ไม่มีการวางแผนในการพัฒนาพนักงานของเขาเลย ถ้าเป็นแบบนี้ส่งไปฝึกอบรมกลับมา ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรแน่นอนครับ เพราะหัวหน้างานไม่ได้เป็นคนวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของพนักงานด้วยตนเอง ที่ส่งไปก็เพราะจำเป็นต้องส่ง หรือมักจะอ้างว่า HR ขอมา ก็เลยส่งไปเรียนซะหน่อย
- ก่อนที่จะส่งพนักงานไปเข้าหลักสูตรฝึกอบรมใดๆ ก็ตาม ผู้จัดการ หรือหัวหน้างานโดยตรงของพนักงานคนนั้นจะต้องพูดคุยกับพนักงานถึงวัตถุประสงค์ที่ส่งเขาไปอบรมเรื่องนั้นๆ ว่า ทำไมต้องอบรมเรื่องนี้ และเรื่องนี้จะช่วยให้เขาทำงานได้ดีขึ้นได้อย่างไร และบริษัทคาดหวังผลงานอะไรที่ดีขึ้นหลังจากที่อบรมมาแล้ว เรียกว่าต้องบอกความคาดหวังให้ชัดเจนกันเลย บางแห่งถึงกับมอบหมายงานกันล่วงหน้าเลยว่าพอจบการอบรมเรื่องนั้นๆ แล้วให้ทำงานนี้ให้สำเร็จ ซึ่งผมว่าก็ดีนะครับ เพราะพนักงานจะได้ตั้งใจเรียนด้วย พยายามไปหาคำตอบมาให้ได้ จะได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จ แบบนี้การฝึกอบรมก็จะได้ผลมากกว่าครับ
- หลังจากที่ฝึกอบรมเรียบร้อยแล้ว หัวหน้างาน หรือผู้จัดการโดยตรงจะต้องมีการติดตามผลการฝึกอบรม โดยให้มีการพูดคุย ทบทวนถึงสิ่งที่ได้จากการฝึกอบรม และมีการมอบหมายงานใหม่ๆ ซึ่งต้องใช้ความรู้จากการฝึกอบรมนั้น เพื่อให้เกิดผลงาน โดยหัวหน้างานจะต้องมีการติดตามผลงานของพนักงานคนนั้นอย่างจริงจัง มิฉะนั้นแล้วอบรมกลับมาก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น พนักงานก็จะทำงานเหมือนเดิมทุกอย่าง หัวหน้างานบางคนให้พนักงานกลับมาเล่าสิ่งที่ไปเรียนมาให้ฟัง จากนั้นก็ถามว่า “คิดว่าจะเอาความรู้ที่เรียนมาใช้อะไรกับการทำงานได้บ้าง” ให้ไปคิดมา แล้วให้นำมาเสนอ ซึ่งถ้าเป็นสิ่งที่ดี หัวหน้างานก็จะส่งเสริมให้ดำเนินการตามที่เสนอ เพื่อให้ผลงานออกมาดีขึ้นนั่นเองครับ
- เมื่อถึงเวลาที่พนักงานออกไปฝึกอบรมภายนอก อย่าพยายามตามงานบ่อยๆ เพราะจะทำให้เขาไม่ได้รับความรู้อย่างเต็มที่ ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลมาก โทรศัพท์มือถือมีกันทุกคน การตามงาน หรือการพูดคุยงานก็เลยทำได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าเราต้องการให้พนักงานได้ความรู้อย่างเต็มที่แล้ว บริษัทเองก็ควรจะวางแผนในการทำงานระหว่างที่พนักงานคนนี้ไม่อยู่ ว่าจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ไปรบกวนพนักงานที่เราส่งไปฝึกอบรม การเดินเข้าเดินออกระหว่างการฝึกอบรมนั้น จะทำให้การเรียนรู้ขาดตอน และไม่สามารถประติดประต่อเรื่องราวได้อย่างครบถ้วน ผมเองเคยเจอแบบว่า เรียกตัวกลับเลยก็มีนะครับ กำลังอบรมกันอยู่ พอช่วงเบรค ก็เดินมาบอกว่า นายให้กลับไปทำงานต่อ เรื่องอบรมเอาไว้ก่อน แบบนี้ก็คงไม่ได้ผลแน่นอนครับ
- ถ้าอบรมมาแล้วยังไม่สามารถทำงานได้หัวหน้าคาดหวังไว้ ก็อย่าไปโทษพนักงานว่าทำไมเรียนไม่รู้เรื่อง แต่ ให้พยายามช่วยกันหาทางทำงานให้ได้จะดีกว่าครับ เพราะบางครั้งหลักสูตรที่เราส่งไป ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ที่ต้องการได้ เพราะหลักสูตรฝึกอบรมสมัยนี้ ก็มีเยอะ วิทยากรก็มีเยอะ บางคนพูดตลกมาก เรียนไม่มีเบื่อเลย แต่เรียนจบแล้วไม่รู้ว่าได้อะไรกลับมาบ้าง แถมยังมาโดนนายกดดันอีกว่าทำไมเรียนแล้วไม่ได้อะไรกลับมา แบบนี้ก็ต้องทำความเข้าใจผู้เรียนด้วย นอกจากนั้นก็พยายามอย่าส่งพนักงานไปหลักสูตรนั้นอีก ถ้าต้องการให้พนักงานมีความรู้ทักษะกลับมาจริงๆ
คำถามก็คือ แล้วส่งไปเรียนทำไม แปลกดีนะครับ ผมคิดว่าให้ตั้งคำถามใหม่ดีกว่าว่า “สิ่งที่เรียนมานั้นจะช่วยให้งานของเราดีขึ้นได้อย่างไร” แล้วให้พนักงานไปวางแผน คิดมา แล้วมานำเสนอ จากนั้นถ้าเป็นความคิดที่ดี ก็ต้องส่งเสริมพนักงานให้สร้างผลงานด้วยนะครับ
ทำแบบนี้รับรองว่า สิ่งที่ไปเรียนมาได้ผลแน่นอนครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น