วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

ระบบค่าตอบแทนของบริษัท ดึงดูดและรักษาพนักงานได้ดีสักแค่ไหน

 

ในระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ เรื่องของค่าจ้างเงินเดือนเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญถึงกันอย่าง มากมาย มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการจ่ายค่าจ้างอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำที่เพิ่ม สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนทำให้มีผลกระทบต่ออัตราค่าจ้างของระดับงานอื่นๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลทำให้องค์กรต่างๆ ต้องหาวิธีการในการรับมือกับแนวทางในการบริหารค่าตอบแทนกันอย่างเร่งด่วน
 ช่วงที่มีการปรับค่าจ้างอันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลนั้น ก็ทำให้บริษัทต่างๆ เกิดการเสีย พนักงานมือดีไปก็เยอะ เนื่องจากการปรับค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม หรืออาจจะไม่รู้วิธีว่าจะต้องปรับอย่างไร ก็เลยทำให้พนักงานเก่า กับพนักงานใหม่เงินเดือนเข้ามาใกล้กันมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นบางองค์กรปรับแล้ว พนักงานเก่าเงินเดือนต่ำกว่าพนักงานใหม่ก็มี ซึ่งก็ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของพนักงานอย่างมาก

ผลที่เกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่องก็คือ ในระยะหลังมานี้ ผมได้ยินหลายองค์กรบ่นเหมือนกันเลยว่า หาพนักงานยากมาก พนักงานส่วนใหญ่ที่มาสมัครจะขอเงินเดือนสูงกว่าอัตราของบริษัทมาก เต็กจบใหม่ถ้าจบปริญญาตรีออกมาก็ขอเงินเดือนสูงกว่า 15,000 บาท โดยให้เหตุผลว่า เอกชนปกติเงินเดือนสูงกว่าราชการ ในเมื่อราชการปรับเป็น 15,000 บาท เอกชนก็ต้องมากกว่านี้ เลยเป็นผลทำให้บริษัทส่วนใหญ่หาพนักงานได้ยากขึ้น เพราะด้วยโครงสร้างเงินเดือนปัจจุบันไม่สามารถ แข่งขันได้มากพอ บางครั้งหามาได้ ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะพนักงานก็หางานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ค่าตอบแทนที่เป็นที่พอใจที่สุด

คำถามที่ตามมาก็คือ ระบบค่าตอบแทนของบริษัทท่านสามารถดึงดูด และรักษาพนักงานที่มีฝีมือให้อยู่ ทำงานอย่างเต็มที่ได้หรือไม่ ลองประเมินและตรวจสอบระบบค่าตอบแทนของบริษัทด้วยคำถามง่ายๆ ข้างล่างนี้นะครับ
  • เวลารับสมัครพนักงานใหม่ พอบอกตัวเลขเงินเดือนไปแล้ว พนักงานจะปฏิเสธไม่รับงาน โดยให้เหตุผลว่า เงินเดือนต่ำเกินไป
  • พนักงานที่เก่งๆ มีฝีมือ ลาออกไปทำงานกับบริษัทอื่น ด้วยสาเหตุเรื่องค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าที่อื่น
  • พนักงานไม่ค่อยใส่ใจสร้างผลงานที่ดี เนื่องจากการตอบแทนผลงานดี กับไม่ดี ไม่มีความแตก ต่างกัน เลยทำให้พนักงานที่มีผลงานดีขาดแรงจูงใจในการทำงาน ทำงานดี กับทำงานไม่ดี ได้รางวัลตอบแทนไม่ต่างกัน ก็เลยทำดีให้น้อยลงดีกว่า จะได้ไม่เหนื่อย
  • พนักงานไม่ค่อยอยากจะพัฒนาตัวเอง เพราะพัฒนาไปแล้ว ก็ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา
  • พนักงานที่มีอายุมากๆ เงินเดือนสูงกว่าพนักงานที่มีอายุน้อยๆ แต่ทำงานที่ยากกว่า เช่น แม่บ้านเงินเดือนสูงกว่าช่าง หรือคนขับรถเงินเดือนสูงกว่าวิศวกร ฯลฯ
แค่เหตุการณ์ 5 ข้อข้างต้น ถ้าบริษัทของท่านมีประมาณสัก 3 ข้อ ก็แสดงว่าระบบการบริหารค่าตอบแทน ของบริษัทท่านมีปัญหาแน่นอนครับ สิ่งที่จะต้องทำก็คือ จะต้องปรับปรุงแนวทางและวิธีการในการบริหาร ค่าตอบแทนใหม่ เพื่อให้สามารถดึงดูด และรักษาคนเก่งไว้ได้ โดยส่วนใหญ่การปรับปรุงเรื่องของระบบ ค่าตอบแทนนั้นจะทำในสองแง่มุมก็คือ
  • ปรับที่ระบบการบริหารค่าตอบแทนให้มีความเป็นธรรม และมีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของค่างาน ระดับงาน โครงสร้างเงินเดือน การขึ้นเงินเดือนตามผลงาน ฯลฯ การสร้างความเป็นธรรมภายในองค์กรเอง เรื่องของระบบนั้นเป็นเรื่อง ที่มีความสำคัญมาก บางองค์กรจ่ายค่าตอบแทนสูงมากแต่กลับไม่ค่อยได้ใจพนักงานก็เนื่องจากระบบการจ่ายไม่เป็นธรรมนั่นเอง
  • ปรับที่อัตราการจ่าย บางองค์กรระบบการจ่ายดี และมีความเป็นธรรมอยู่แล้ว แต่ตรวจสอบดูแล้ว พบว่าอัตราการจ่ายยังต่ำกว่าตลาดอยู่ ทางแก้ไขก็คือ ต้องมีการปรับอัตราการจ่ายให้แข่งขันกับ ตลาดได้  และถ้ามีการปรับอัตราการจ่าย ก็คงต้องพิจารณาปรับอย่างเป็นธรรมทั้งระบบด้วย เช่นกัน
  • ปรับทั้งระบบการบริหาร และปรับอัตราการจ่าย บางบริษัทพบว่าระบบการบริหารค่าตอบแทน ก็ไม่มีความชัดเจน ไม่มีหลักการในการจ่ายที่สามารถอธิบายได้ และไม่มีหลักการอะไรที่จะมา บอกว่าใครควรได้เงินเดือนเท่าไหร่ มากกว่าใคร ฯลฯ อีกทั้งอัตราการจ่ายก็ยังไม่สามารถแข่ง ขันได้ เนื่องจากหาคนยาก คนเก่งก็ไม่อยู่ทำงาน ฯลฯ ถ้าเป็นแบบนี้ เราควรจะปรับปรุงทั้งระบบ การบริหารค่าตอบแทน และปรับตั้งอัตราการจ่ายค่าตอบแทนใหม่
สุดท้ายแล้ว การมีระบบค่าตอบแทน และอัตราการจ่ายที่แข่งขันได้นั้น จะทำให้บริษัทสามารถที่จะดึงดูด เอาพนักงานที่มีฝีมือเข้ามาทำงานกับองค์กรได้ง่ายขึ้น และระบบบริหารค่าตอบแทนที่ดียังสามารถทำให้ เกิดแรงจูงใจในการสร้างผลงานที่ดีของพนักงานอย่างต่อเนื่องอีกด้วย  

ปัจจุบันนี้การที่จะหาพนักงานมือดี แต่ค่าตอบแทนต่ำๆ คงจะยากหน่อยแล้วล่ะครับ ถ้าอยากได้มือดี ก็คงต้องลงทุนทำให้ระบบค่าตอบแทนสามารถแข่งขันได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น