เรื่องของภาวะผู้นำที่ดีนั้น เป็นเรื่องที่เราสามารถพูดคุยกันได้แบบไม่รู้จบ ทั้งๆ ที่มีแนวคิด วิธีการต่างๆ นานา มากมายเกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนาภาวะผู้นำ แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับผู้นำ หรือ คนๆ นั้นว่า จะนำเอาแนวคิดต่างๆ เหล่านี้ไปใช้ได้มากน้อยสักแค่ไหน คนที่เป็นผู้นำที่ดี ก็มีอยู่มากมาย คนที่เป็นผู้นำที่แย่ๆ ก็มีอยู่มากมายเช่นกัน แล้วเราจะเลือกเป็นผู้นำแบบไหน ก็คงอยู่ที่เราจะเลือกแล้วล่ะครับ
แต่พอเปลี่ยนมุมไปมองในมุมของผู้ตาม ผู้ตามทุกคนอยากที่จะมีผู้นำที่ดีทั้งสิ้น ไม่เคยเห็นว่าจะมีผู้ตามคนไหนที่อยากจะติดตามผู้นำแย่ๆ เลยสักคน ยกเว้นผู้ตามคนนั้นจะมีนอกมีในกับผู้นำ หรือ เป็นคนที่เชลียร์ผู้นำที่แย่ๆ จนตัวเองได้ดี ก็เลยยอมที่จะตามผู้นำแย่ๆ ไป เพราะรู้ว่า ผู้นำคนนี้ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ เอาใจนิดหน่อย เดี๋ยวเราก็ได้ดี ถ้าเป็นกรณีแบบนี้บอกได้เลยว่า คนดีๆ ที่สร้างผลงานให้กับองค์กรก็คงอยู่ด้วยไม่ได้แน่นอนครับ
เขียนเกริ่น มาตั้งเยอะ ก็เพียงจะบอกว่า ผู้นำแย่ๆ ที่เรากำลังพูดถึงนั้น มักจะมีข้ออ้างเสมอ เวลาที่ตนเองทำงานได้ไม่ดี หรือผลงานออกมาไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ พอผู้บริหารระดับสูงถามเข้า หรือพนักงานที่เก่งๆ ถามเข้าหน่อย ก็มักจะมีข้ออ้างไปเรื่อย หรือที่เราเรียกกันว่า เอาสีข้างเข้าถู แบบเอาตัวรอดไปวันๆ แต่สุดท้ายผลงานก็ไม่ออกมาอยู่ดี
เราลองมาดูข้ออ้างยอดฮิตที่ผู้นำยอดแย่มักจะใช้กัน ว่ามีอะไรบ้าง
- เพราะถูกจ้างมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ปกติผู้นำก็ต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กรอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้นำบางคนที่นำการเปลี่ยนแปลงแล้วเกิดปัญหา หรือเกิดความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อยๆ พอถูกซักถามมากๆ เข้า ก็มักจะตอบว่า ก็เป็นหน้าที่ของผู้นำอยู่แล้วที่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จริงๆ ก็คือใช่ครับ เพียงแต่ผู้นำที่แท้จริงจะต้องทำความเข้าใจบริบท และสภาพแวดล้อมของการทำงานก่อน และจากนั้นก็ต้องนำการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยตนเอง ไม่ใช่บังคับให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงตามอย่างที่ตนต้องการเพียงอย่างเดียว ถ้าเป็นอย่างหลัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ และขวัญกำลังใจของพนักงานตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว
- เพราะพวกคุณมันใช้ไม่ได้สักคน เวลาที่ผลงานของผู้นำไม่ออก หรือติดปัญหา ข้ออ้างอีกประการหนึ่งที่มักจะถูกอ้างก็คือ โบ้ยความผิดพลาดต่างๆ ให้กับบุคคลรอบข้าง เช่น ฝ่ายบุคคลไม่ได้เรื่อง ฝ่ายขายไม่ทำตามที่ตกลง ฝ่ายการเงินไม่เดินตามแผนงานที่ตกลงไว้เลย ฯลฯ แต่ไม่เคยมองกลับมาที่ตัวเองในฐานะผู้นำเลยว่า ทำไมผลงานถึงไม่ออกมา ตัวผู้นำเองมีปัญหาเองหรือเปล่า มีแต่โทษไปที่คนอื่น ผู้นำแบบนี้มักจะมองคนอื่นไม่ดีเลยสักคน แต่มองตัวเองดีที่สุด
- เพราะอยู่กับทีมงานที่ไม่ดี อีก ข้ออ้างหนึ่งที่ผู้นำยอดแย่มักจะอ้างเวลาที่ผลงานออกมาไม่ได้ก็คือ ที่ผลงานไม่ได้ก็เพราะมาอยู่กับทีมงานที่ไม่ได้เรื่อง แต่ละคนล้วนแต่ใช้ไม่ได้ ไม่มีความคิด ไม่มีวิธีการทำงานที่ดี เมื่อพนักงานและทีมงานไม่ดี มันก็คงยากที่จะได้ผลงานที่ดี ก็เป็นการโทษไปที่คนอื่นอีกเช่นกัน ผู้นำที่ดีๆ เก่งๆ มักจะเป็นคนที่สามารถสร้างผลงานได้ดี แม้ว่าทีมงานอาจจะไม่ค่อยดีก็ตาม แต่ผู้นำก็สามารถที่จะดึงเอาความสามารถของพนักงานในทีมออกมาได้ แต่ไม่ใช่โบ้ยไปมาแบบนี้
- เพราะถูกสอนและถูกฝึกมาแบบนี้ อีกข้ออ้างเวลาที่มีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้น ผู้นำยอดแย่ก็จะมีข้ออ้างว่า ก็เพราะถูกสอน และถูกฝึกมาแบบนี้ และที่สำคัญก็คือ มันไม่ใช่ความผิดของตัวผู้นำเลย แต่เป็นความผิดของคนที่สอนเขามา (หรือเปล่า)
- เพราะงานทำให้เป็นแบบนี้ อีก ข้ออ้างหนึ่งก็คือ โทษไปที่ตัวงานที่ทำ เวลาที่เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นในการทำงาน ก็มักจะมีข้ออ้างว่า ก็เพราะหน้าที่และความรับผิดชอบนี่แหละที่ทำให้เป็นแบบนี้ จริงๆ ตัวตนจริงๆ ไม่ใช่แบบนั้น
- ก็เป็นของฉันแบบนี้อยู่แล้ว อีกข้ออ้างหนึ่งเวลาที่ผู้นำยอดแย่ชอบอ้างเวลาที่เกิดปัญหาในการทำงาน หรือปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของความขัดแย้งในการทำงานก็คือ “ก็พี่เป็นของพี่แบบนี้อยู่แล้ว ทุกคนก็ต้องเข้าใจนะ....” หรือ “ก็นี่คือตัวฉันแล้วใครจะทำไม” ฯลฯ ผู้นำที่ดีไม่ใช่เปลี่ยนแปลงตนเองไม่ได้ แต่กรณีนี้น่าจะเป็นเพราะทิฐิมากกว่า ที่จริงๆ แล้วก็รู้ๆ อยู่ว่าตนเองทำผิดพลาดไป แต่กลับไม่ยอมรับ และใช้ข้ออ้างแบบนี้แทน
- ก็คนอื่นเขาอิจฉาริษยา อีก ข้ออ้างหนึ่งเวลาที่มีปัญหาในการทำงานของผู้นำยอดแย่ก็คือ ก็เพราะคนอื่นเขาอิจฉาริษยาในการเป็นผู้นำของตน ก็เลยไม่ยอมที่จะให้ความร่วมมือ และคอยขัดขวางการทำงานของตนเอง เลยทำให้งานไม่สำเร็จได้ตามแผนงาน
ไม่ใช่มาดูดพลังพนักงานทุกคนออกไปแบบนี้ จริงมั้ยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น