คนเราทุกคนล้วนมีคุณค่าในตนเอง มีความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ อยู่ที่ว่า ตัวเราเองนั้นอยากจะทำ หรือมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะลงมือสร้างคุณค่าให้กับตนเองหรือไม่ บางคนไม่มีแขนไม่มีขา มีตัว แต่กลับประสบความสำเร็จในระดับโลก ผิดกับคนที่มีแขนขาครบแต่กลับไม่เคยคิดที่จะทำอะไรให้กับชีวิตของตนเองเลย สักนิด ลองอ่านนิทานเซนอีกเรื่องนะครับ เผื่อว่าจะเป็นกำลังใจให้ท่านผู้อ่านได้มีพลังในการสร้างสรรค์ชีวิตของตนเองมากขึ้น
มีขอทานพิการเหลือแขน เพียงข้างเดียวผู้หนึ่ง เดินทางเข้าไปยังวัดเซนที่พระเซนนามว่า ฟังจั้ง พำนักอยู่ เพื่อขอรับทาน ทว่าเมื่อเอ่ยปาก พระฟังจั้งกลับชี้มือไปยังกองอิฐและบอกกับขอทานแขนเดียวว่า
"ท่านช่วยย้ายอิฐกองนั้นไปยังหลังวัดก่อนเถอะ"
ขอทานแขนเดียวได้ยินครั้งแรกก็ไม่พอใจ กล่าวว่า "ข้าเหลือแขนเพียงข้างเดียวจะย้ายอิฐได้อย่างไร ข้ามาขอทาน หากท่านไม่อยากให้ทานก็ไม่เป็นไร ไฉนต้องล้อเลียนผู้อื่นถึงเพียงนี้"
พระเซนไม่เอ่ยโต้ตอบ เพียงแต่เดินไปยกก้อนอิฐโดยใช้แขนเพียงข้างเดียว จากนั้นค่อยกล่าวเรียบๆ ว่า
"งานประเภทนี้ แม้มีแขนข้างเดียวก็สามารถทำได้"
เมื่อเห็นดังนั้น ขอทานจึงได้แต่ทำตาม โดยค่อยๆ ย้ายก้อนอิฐไปยังหลังวัด ทีละก้อน ทีละก้อน ใช้เวลาพักใหญ่จึงย้ายก้อนหินได้หมดกอง จากนั้นพระเซนจึงมอบเงินค่าตอบแทนให้กับขอทานจำนวนหนึ่ง ขอทานเห็นดังนั้นก็ดีใจมากพลางกล่าวคำ
"ขอบคุณท่าน ขอบคุณท่าน" ไม่หยุด พระเซนจึงตอบว่า
"ไม่ต้องขอบคุณเรา เพราะเงินนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงของท่านเอง"
ขอทานจึงเอ่ยด้วยความสำนึกว่า "ข้าจะจดจำวันนี้เอาไว้" จากนั้นจึงก้มตัวค้อมคำนับด้วยความตื้นตันก่อนเดินทางจากไป
ผ่านไปหลายวัน มีขอทานอีกผู้หนึ่งเดินทางมาขอทานที่วัดนี้ ขอทานคนนี้มีแขนขาครบถ้วน พระฟังจั้งจึงพาขอทานผู้นี้เดินมาที่หลังวัดจากนั้นชี้ไปยังกองอิฐและกล่าว ว่า "ท่านช่วยย้ายอิฐกองนั้นไปยังหน้าวัดก่อนเถอะ" ทว่าขอทานผู้มีแขนขาครบผู้นี้กลับไม่สนใจคำกล่าวของพระเซน ได้แต่หันกายจากไปโดยพลัน
บรรดาสานุศิษย์ในวัดเห็นดัง นั้นจึงเอ่ยถามพระฟังจั้งว่า "คราว ก่อนท่านอาจารย์ให้ขอทานย้ายอิฐมายังหลังวัด ไฉนวันนี้กลับประสงค์ให้ขอทานอีกผู้หนึ่งย้ายอิฐกลับไปหน้าวัด ที่แท้แล้วท่านอาจารย์อยากให้นำก้อนอิฐไปไว้ที่ใดกันแน่?"
พระเซนฟังจั้งตอบศิษย์เพียงสั้นๆ ว่า "อิฐวางไว้หน้าวัดหรือหลังวัดล้วนไม่ต่างกัน ทว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายต่างหากที่สำคัญสำหรับขอทานเหล่านั้น"
วันเวลาผ่านไปหลายปี วันหนึ่งปรากฏคนผู้หนึ่งท่าทางภูมิฐานเดินทางมาที่วัด คนผู้นี้มีแขนเพียงข้างเดียว ที่แท้แล้วคือขอทานแขนเดียวเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งนับตั้งแต่วันที่เขาพบพระฟังจั้งในครั้งนั้น เขาจึงค่อยได้รู้ถึงคุณค่าในตัวเอง จากนั้นจึงหาทางประกอบสัมมาอาชีพที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย จนในที่สุดได้พบกับความสุข สำเร็จในชีวิต...ส่วนขอทานอีกผู้หนึ่งนั้น ยังคงเป็นขอทานอยู่เรื่อยมา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เชื่อมั่นในตนเอง รู้คุณค่าในตนเอง และพึ่งพาตนเอง คือคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญยิ่งในการเป็นมนุษย์ แม้ว่าเราจะมีร่างกายไม่ครบ 32 แต่ถ้าเรารู้ถึงคุณค่าของตนเอง เราก็สามารถสร้างความสำเร็จให้กับชีวิตของตนเองได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น