วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ด้านมืดของ Social Network ในการทำงาน


เมื่อวานได้คุยกันไปในเรื่องของด้านสว่าง หรือด้านที่เป็นประโยชน์ของเครือข่ายสังคม ที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน ซึ่งถ้าเราสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเหล่านี้ เราก็จะได้รับสิ่งที่ดีๆ จากเครื่องมือเหล่านี้ด้วยเช่นกัน วันนี้จะมาคุยกันต่อในด้านมืด หรือด้านที่ไม่ค่อยจะดีนักสำหรับเครื่องมือทางด้าน Social Network ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ว่ามีอะไรบ้างนะครับ
  • ทำให้ Productivity ในการทำงานของพนักงานลดฮวบฮาบ การที่พนักงานติดการเล่น Social Network ในเวลาทำงาน ก็จะทำให้เวลาการทำงานหายไป ก็จะส่งผลต่อผลงานของพนักงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย พนักงานบางคนบริษัทให้ทำงาน 8 ชั่วโมง แต่นั่งเล่น facebook ไปแล้ว 5 ชั่วโมง แต่ไม่ได้เล่นติดต่อกันนะครับ แบบว่า เดี๋ยวเปิด เดี๋ยวปิด เดี๋ยวก็เปิดอีก มีเพื่อนๆ มาทัก ก็ต้องตอบ ตอบไปตอบมาก็ยาวอีก บางบริษัทก็ปิดระบบไม่ให้เชื่อมต่อได้ แต่พนักงานก็ยังสามารถใช้โทรศัพท์มือถือของตนเองเชื่อมต่อได้อีกเช่นกัน คราวนี้ก็เลยนั่งจิ้มโทรศัพท์กันไป จนงานการไม่ต้องทำกันเลย ถ้าพนักงานที่ไม่สามารถที่จะควบคุมตนเอง หรือมีวินัยในตนเองได้ ก็จะส่งผลต่อผลงานที่ออกมาอย่างแน่นอน
  • มีตราบาปติดตัวไปตลอด ด้านมืดอีกด้านหนึ่งของเครือข่ายสังคมที่เป็นการโพสข้อความหรือรูปภาพก็คือ เราจะลบ หรือแก้ไขได้ยากมาก เวลาที่รูปขึ้นไปแล้ว เราจะเอาออก บางครั้งดูเหมือนว่าเราเอาออกไปแล้วแต่จริงๆ แล้วเพื่อนเรากลับเอาไป share ต่อซะแล้ว ยิ่งถ้าเป็นข้อความหรือรูปภาพที่เราไม่อยากให้ออกไปสู่สาธารณะชนด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้ภาพพจน์ของเราเสียได้อย่างมากเลยครับ บางคนถึงกับถูกปฏิเสธจากบริษัทที่เขาไปสมัครงานด้วยก็มีนะครับ แค่เพียงว่าเขาโพสข้อความที่ไม่เหมาะสม และองค์กรเองไม่ต้องการคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมแบบนั้น จะเข้าไปแก้ไขทีหลังก็ทำได้ยากแล้วครับ ดังนั้นจะโพสอะไร หรือจะเขียนอะไร จะต้องคิดให้ดีก่อนนะครับ การที่จะตอบกระทู้ของใครก็เช่นกัน เดี๋ยวนี้มีรูปของเราติดหราทั่วไปหมด ดังนั้นอย่าลืมระวังตัวนะครับ ตั้งสติก่อนที่จะกด enter นะครับ
  • ข่าวลือไปได้เร็วมาก ด้วยเครือข่ายสังคมที่เชื่อมต่อกันได้ทั่วโลกแบบนี้ เวลาที่มีผู้ประสงค์ร้ายกับเราต้องการจะทำร้ายเรา หรือทำให้เราเสียชื่อเสียงเขาจะสามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยที่เราจะเข้าไปแก้ไขได้ยากมาก และถ้าเรื่องราวที่ไม่ดี และไม่จริงเหล่านี้ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว เราแทบจะไม่สามารถแก้ไขข่าวเหล่านี้ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น เวลาที่พนักงานไม่ชอบหน้าหัวหน้า หรือทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้าของตนเอง บางคนก็โพสขึ้นเครือข่ายสังคม ซึ่งจะทำให้คนอื่นรู้เรื่องราวในด้านเดียวเท่านั้น โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสเข้ามาชี้แจงได้เลย ก็จะเกิดข่าวลือแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วมาก
  • ความลับของบริษัทรั่วไหล เรื่องนี้มักจะเกิดขึ้นกับพนักงานบางคนที่เก็บความลับไว้ไม่อยู่ มักจะเอาไปโพสใส่ไว้ในเครือข่ายว่าขณะนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในบริษัทของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใหม่ ความเคลื่อนไหวอะไรใหม่ๆ ซึ่งบางครั้งบริษัทไม่ต้องการที่จะเปิดเผย แต่พนักงานก็มักจะทนไม่ได้ กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเรารู้ ก็เลยโพสเข้าไป ผลก็คือ ธุรกิจเกิดความเสียหายอย่างแรง ทำให้บางธุรกิจคู่แข่งสามารถรู้ถึงความเคลื่อนไหวได้ และทำชิงตัดหน้าไปก่อนก็มีนะครับ
  • บริหารเป้าหมายในชีวิตของเราได้น้อยลง บางคนติดเครือข่ายสังคมมาก เล่นได้ทั้งวันทั้งคืน กด refresh แล้ว refresh อีก ก็เพื่ออยากเห็นว่ามีใครตอบอะไรเรามาหรือเปล่า นั่งเฝ้าหน้าจอดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ ว่าจะโพสอะไรเข้ามาอีกบ้าง สิ่งเหล่านี้ถ้ามากไปมันก็ไม่ดีนะครับ สุดท้ายแล้วเป้าหมายในชีวิตที่เราตั้งใจอยากจะทำ อยากจะเป็น ก็มาสะดุด บางคนล้มเลิกกันไปเลยก็มี แค่เพียงเครือข่ายสังคมแค่นั้น ก็สามารถทำให้ชีวิตเราพังได้เลย
  • ความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัวแย่ลง สาเหตุก็เป็นเพราะมัวแต่ให้ความสำคัญกับเพื่อนๆ ในโลกไซเบอร์มากเกินไป มัวแต่นั่งแชทกัน โดยที่คนที่นั่งข้างๆ เรา เรากลับไม่พูดด้วย นั่งเงียบ หรือไม่ก็ต่างคนต่างนั่งกดเพื่อคุยกับเพื่อนที่อยู่ไกลตัว ส่วนคนที่อยู่ใกล้ตัวก็เริ่มหมดความสำคัญลงไปเรื่อยๆ ผลก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างคนใกล้ตัวก็เริ่มแย่ลง บางบ้านถึงกับบ้านแตกก็แค่เพียงให้ความสำคัญกับคนไกลตัวมากจนเกินไปนั่นเองครับ
ผมคิดว่ายังมีอีกมากที่เป็นด้านมืดของเครือข่ายสังคม สิ่งที่ผมสรุปมาก็คือเท่าที่ผมได้เห็นและได้สัมผัสมานะครับ ในการบริหารบุคคลเองเช่นกัน องค์กรของท่านมีการปรับปรุงกฎระเบียบข้อบังคับให้มีเรื่องของการใช้เครือข่ายสังคมเข้าไปด้วยแล้วหรือยัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปิดเผยความลับของบริษัท หรือการเอาผู้บริหารหรือหัวหน้าของเราไปนินทากับเพื่อนๆ ซึ่งทำให้คนอื่นเกิดความเสียหายนั้น บริษัทเองก็ต้องมีการวางมาตรการ และกำหนดเป็นระเบียบสำหรับพนักงานให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้

สิ่งที่ผมอยากจะย้ำก่อนจบก็คือ ทุกอย่างในโลกนี้มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การเดินสายกลาง เราเห็นประโยชน์ของเครือข่ายสังคม แต่เราก็รับทราบถึงโทษของมันด้วยเช่นกัน สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่ตัวเราเองนะครับว่าเราจะบริหารชีวิตของเราอย่างไร ให้ชีวิตของเราไปยึดติดกับเครือข่ายสังคมโดยทำให้เป้าหมายในชีวิตของเราผิดเพี้ยนไปหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แปลว่าท่านติดมันเข้าแล้วล่ะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น