วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

7 Habits: อุปนิสัยที่ 5 Seek first to understand and then to be understood



วันนี้เข้าสู่อุปนิสัยที่ 5 ของ 7 อุปนิสัยของคนที่มีประสิทธิผลสูงกันแล้วนะครับ ผ่านไปแล้ว 4 อุปนิสัย ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่าน อ่านแล้ว ได้นำไปปฏิบัติบ้างหรือเปล่า ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี การที่จะได้ผลจริงๆ นั้น ไม่ใช่แค่เพียงรู้ หรือเคยอ่าน ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จจริงๆ สิ่งที่จะต้องทำก็คือ การลงมือทำจริงๆ อุปนิสัยที่ 5 Seek first to understand and then to be understood หรือแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า ถ้าอยากจะให้คนอื่นเข้าใจเรา เราจะต้องเข้าใจคนอื่นก่อน ก็เป็นนิสัยสำหรับคนที่ต้องการเอาชนะใจคนอื่นได้ จะต้องมีอยู่ในตัวเองเสมอ
คนเราส่วนใหญ่ต้องการให้คนอื่นเข้าใจเรา ไม่ว่าเราจะพูด หรือทำอะไร ก็อยากให้คนรอบเข้ามาเข้าใจเรา ว่าทำไมเราถึงทำแบบนั้น แต่ไม่ค่อยจะมีคนไหนที่อยากจะเข้าใจคนอื่นก่อน ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ลองดูสถานการณ์เหล่านี้ ถ้าเกิดขึ้นกับตัวท่านเอง ท่านจะตอบสนองอย่างไร
  • ลูกน้องไม่ทำตามที่สั่งงานไว้
  • มีรถขับปาดหน้าไปอย่างรวดเร็ว จนเราต้องเบรคตัวโก่ง
  • ลูกน้องมาบ่นให้ฟังว่าทำงานกับเรายังไงก็ไม่เจริญ
  • ลูกไม่อยากไปโรงเรียน
  • คนในครอบครัวบ่นให้ฟังถึงเรื่องเดิมๆ อยู่ทุกวัน
  • ฯลฯ
อาจจะมีสถานการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ไม่ทราบว่าจะท่านจะตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไรกันบ้าง

ถ้าเราไม่ยึดหลักอุปนิสัยที่ 5 แล้ว สิ่งที่เราจะทำก็คือตอบสนองออกไปทันที โดยไม่สนใจว่าเราจะเข้าใจคนอื่นสักแค่ไหน เช่น ลูกน้องไม่ทำตามที่สั่งไว้ เราก็ไม่พอใจ ตำหนิ ดุด่าว่ากล่าว โดยไม่ดูสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งจริงๆ แล้วลูกน้องอาจจะทำไม่เป็น หรือไม่เข้าใจในคำสั่งของเราก็ได้ ถ้าเรายังไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนั้นเพราะอะไร แล้วก็ลงมือดุด่าไป จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงกว่าเดิมได้

 หรือในกรณีอื่นๆ ก็เช่นกัน ถ้าเราไม่ทำความเข้าใจคนอื่นก่อน สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ความขัดแย้ง จากนั้นคนอื่นก็ไม่มีทางที่จะมาเข้าใจเราเหมือนกันครับ

ผู้เขียนได้ให้แนวทางในการเข้าใจคนอื่นก่อนว่า หลักการสำคัญที่สุดก็คือ การฟัง แต่ต้องเป็นการฟังอย่างเข้าใจผู้อื่นเลยว่าเขาคิดอย่างไร ไม่ใช่แค่ฟังอย่างตั้งใจเท่านั้นครับ เรียกว่าต้องเข้าใจคนอื่นกันเลย เหมือนกับเราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเลย

อีกตัวอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนได้ยกไว้ในหนังสือ ก็คือ ถ้าเราไปเจอสถานการณ์บนรถไฟฟ้า มีพ่อลูกคู่หนึ่งเดินเข้ามาในรถไฟฟ้าที่เรานั่งอยู่ ลูกร้องไห้เสียงดังมาก แบบไม่เกรงใจชาวบ้านกันเลยทีเดียว คนที่เป็นพ่อก็ไม่มีทีท่าจะปลอบอะไรเลย แล้วทั้งคู่ก็ดันมานั่งข้างๆ เราอีก ท่านจะตอบสนองอย่างไร

บางท่านก็บอกว่า ต้องหันไปบอกพ่อว่าให้คุยกะลูกหน่อย ให้หัดเกรงใจชาวบ้านเขาบ้าง เอะอะแบบนี้ไม่ดี ถ้าเราทำแบบนี้จริงๆ แล้วคนที่เป็นพ่อหันมาบอกกับเราว่า

"ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแม่ของเด็กเพิ่งเสียไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว”

 เหตุการณ์ข้างต้น ในช่วงแรก เรายังไม่เข้าใจเด็กคนนั้นว่าทำไมร้องไห้อยู่ได้ ก็เลยตำหนิไป แต่พอเราเข้าใจแล้วว่าที่เขาร้องไห้เพราะอะไร พฤติกรรมของเราอาจจะออกมาตรงข้ามเลยก็ได้ ก็คือ ให้เด็กร้องไห้ต่อไปให้พอ เพราะเข้าใจถึงการสูญเสียแม่ไปนั่นเอง

เห็นมั้ยครับ ความสำคัญของการเข้าใจคนอื่นก่อนที่จะให้คนอื่นมาเข้าใจเรานั้น เป็นสิ่งที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และลึกซึ้งได้

อุปนิสัยนี้ก็เช่นกันครับ จะทำให้เกิดขึ้นได้จริง เราจะต้องเอานิสัยที่ 1 มาใช้ประกอบอีก ก็คือ ต้อง Proactive ครับ เวลามีใครมาพูดอะไร มาทำอะไรให้เรารู้สึกไม่ดี ก็ต้องนิ่งไว้ก่อน แล้วฟังเขาอย่างตั้งใจ เพื่อที่จะหาสาเหตุที่แท้จริงเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยตอบสนองออกไป และเมื่อฝ่ายตรงข้ามรู้สึกว่าเรากำลังเข้าใจเขา เขาก็พร้อมที่จะเข้าใจเราเช่นกันครับ  

วันนี้คุณเข้าใจคนอื่นก่อน ที่จะให้คนอื่นมาเข้าใจเรา แล้วหรือยังครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น