และแล้วก็มาถึงอุปนิสัยสุดท้ายใน 7 อุปนิสัยสำหรับผู้ที่มีประสิทธิผลสูง นิสัยสุดท้ายเป็นเรื่องของการหมั่นพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเสมอ ซึ่งตามชื่ออุปนิสัยที่ผู้เขียนได้ตั้งไว้ก็คือ การหมั่นลับคมเลื่อยอยู่เสมอ (Sharpen the saw) ซึ่งถ้าเราต้องการที่จะเป็นคนที่มีสิทธิผลสูง เราจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้เลย การที่เราคิดว่าเราเก่งแล้ว และไม่ต้องพัฒนาอะไรต่ออีกแล้ว นั่นเป็นความคิดที่ผิดมากสำหรับการพัฒนาตนเองเลยครับ
ผู้เขียนได้เล่านิทานสั้นๆ ให้อ่านเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีเรื่องราวดังนี้
คุณกำลังเดินเข้าไปในป่า แล้วเห็นชายคนหนึ่งกำลังขมักเขม้นตัดต้นไม้อยู่อย่างเหนื่อยอ่อน ก็เลยถามไปว่า “กำลังทำอะไรอยู่น่ะ”
ชายตัดไม้ตอบกลับมาแบบอารมณ์ไม่ค่อยดีนักว่า “ไม่เห็นหรือไงว่ากำลังตัดต้นไม้อยู่ ถามมาได้” พูดจบก็ปาดเหงื่อที่ท่วมใบหน้าออกอย่างเหนื่อยล้า
“แล้วเลื่อยมานานเท่าไหร่แล้วล่ะครับ” คุณถามต่อ
“ก็เลื่อยมานานกว่า 5 ชั่วโมงแล้ว และตอนนี้ก็เริ่มหมดแรงแล้ว ปกติใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงก็เสร็จแล้วไม้แบบนี้น่ะ” ชายตัดไม้ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่พักสักครู่เพื่อที่จะลับเลื่อยให้คมล่ะ” คุณให้คำแนะนำไป ชายตัดไม้ตอบกลับมาอย่างหนักแน่นว่า
“ผมไม่มีเวลามาลับคมหรอก เพราะผมกำลังยุ่งกับการเลื่อยอยู่”
ชีวิตของคุณเป็นแบบชายตัดไม้คนนี้หรือเปล่า ก็คือ มัวแต่ยุ่งกับการทำงานจนไม่มีเวลาที่จะพัฒนาตนเอง เพราะมีคนบอกให้เราไปพัฒนาตนเองบ้าง เราก็ตอบไปว่า งานเยอะจนไม่มีเวลาพัฒนาตนเองเลย ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผลงานของเราก็จะยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ เพราะความรู้ต่างๆ มันพัฒนาไปตลอดเวลานั่นเองครับ ดังนั้นอุปนิสัยที่ 7 นี้จึงเป็นนิสัยที่เราจะต้องพัฒนาให้มีติดตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะสร้างประสิทธิผลให้กับทั้งชีวิตส่วนตัว และชีวิตการทำงาน ซึ่งผู้เขียนได้แนะนำว่ามีอยู่ 4 ด้านที่คนเราจะต้องหมั่นลับคมเลื่อยเพื่อให้เราเป็นคนที่มีประสิทธิผลมากที่สุด มีอะไรบ้างลองมาดูกันนะครับ
- ด้านกายภาพ ด้านแรกที่คนเราทุกคนควรจะหมั่นลับคมเลื่อยอยู่เสมอ ก็คือ ความสมบูรณ์ทางด้านร่างกายนั่นเอง การที่เราจะทำงานได้ดี มีผลงานชั้นเยี่ยมได้นั้น เราต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแรงด้วย ดังนั้นถ้าเราปล่อยให้ร่างกายทรุดโทรม ทำงานหามรุ่งหามค่ำ โดยไม่สนใจตัวเองเลย เราจะทำงานได้ไม่นานครับ สักพักเราอาจจะต้องเอาเงินที่หามาได้ทุกบาททุกสตางค์มาเป็นค่ารักษาพยาบาลตัวเราเองนี่และ ดังนั้น อย่าลืมหมั่นลับคมเลื่อยทางด้านร่างกาย โดยการ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ และหาวิธีขจัดความเครียดที่เกิดขึ้น เพราะความเครียดไม่มีผลดีต่อร่างกายของเราเลย
- ด้านสติปัญญา ด้านที่สองที่เราต้องหมั่นลับคมเลื่อยก็คือ ด้านสติปัญญาของเรานั่นเอง ซึ่งหมายถึงความรู้และทักษะต่างๆ ที่ทำให้เราเป็นคนที่เก่งขึ้น ดีขึ้นนั่นเอง วิธีการพัฒนาความรู้และทักษะมีอยู่หลายวิธีครับ ลองเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองน่าจะดีที่สุดครับ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาความรู้ต่างๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ การเข้าหลักสูตรฝึกอบรมด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาทักษะในการทำงานและการใช้ชีวิต การพิจารณากรณีศึกษาของคนอื่น ทั้งที่เป็นคนเก่ง และไม่เก่ง เพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากกรณีเหล่านี้
- ด้านจิตใจ ด้านที่สามที่เราต้องหมั่นลับคมเลื่อยก็คือ ด้านจิตใจ ก็คือการพัฒนาจิตใจของเราให้มีทัศนคติที่ดี มองโลกในแง่ดี เข้าใจผู้อื่น และสร้างความสงบให้กับจิตใจของเราบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือเพื่อสร้างพลังใจ และการนั่งสมาธิเพื่อทำให้จิตใจสงบ และสร้างพลังของจิตใจให้พร้อมที่จะต่อสู้ต่อไป
- ด้านความสัมพันธ์ ด้านที่สี่ที่เราต้องหมั่นลับคมเลื่อยก็คือด้านการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลอื่นที่เรารู้จัก การที่เรารู้จักใครแล้ว เราไม่สานความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยการพูดคุยกัน หรือติดต่อสื่อสารกัน นานๆ เข้า ความสัมพันธ์ที่ดีก็จะค่อยๆ หายไป จนอาจจะกลายเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยก็ได้
โดยเราต้องวางแผนในการพัฒนาตนเองให้ครบทั้ง 4 ด้าน อาจจะกำหนดในแต่ละวันก็ได้ครับ ว่าวันนี้ก่อนนอน จะอ่านหนังสือ หรือฝึกภาษา เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ส่วนทุก จันทร์ พุธ ศุกร์ ก็ไปออกกำลังกายก่อนกลับบ้าน วันเสาร์ก็อยู่กับครอบครัวหรือ ไปเที่ยวกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ส่วนวันอาทิตย์ก็เข้าวัดนั่งสมาธิ
ที่ผมเขียนมานี่ก็เป็นแค่เพียงตัวอย่างนะครับ คนเราแต่ละคนอาจจะมีจุดเน้นที่จะลับคมที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็อย่าลืมว่าถ้าจะให้ดี ก็ต้องลับให้ครบ 4 ด้านเลยครับ และการที่เราจะสามารถทำตามแผนที่เราวางไว้ได้สำหรับการพัฒนาตนเอง เราก็ต้องเอานิสัยที่ 1 คือ Proactive เข้ามาใช้อีกแล้วครับ (นิสัยที่ 1 นี่เป็นพื้นฐานสุดๆ เลยครับ เพราะถ้าขาดมัน เราก็จะไม่สามารถที่จะควบคุมตนเอง หรือสร้างวินัยในตนเองได้เลย)
แล้วก็จบจนได้นะครับสำหรับ 7 อุปนิสัยสำหรับผู้ที่มีประสิทธิผลสูง ซึ่งผมตั้งใจจะสรุป และเขียนเพื่อเป็นการอุทิศให้กับผู้เขียนหนังสือเรื่องนี้ก็คือ Stephen R. Covey ซึ่งได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว
สิ่งสำคัญของการที่จะเป็นคนที่มีประสิทธิผลสูงได้นั้นไม่ได้อยู่ที่การอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วจะเป็นได้นะครับ แต่อยู่ที่การนำเอาสิ่งที่เราได้อ่านมาใช้จริงใจชีวิตประจำวันมากกว่าครับ
ก็หวังว่าบทความทั้ง 7 ตอนนี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่านที่ต้องการจะพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิผลสูงนะครับ ย้ำอีกครั้งครับว่า ต้องลงมือทำครับ แล้วความสำเร็จจะมาหาเราครับ
วันนี้คุณลับคมเลื่อยแล้วหรือยังครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น