วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558
นิทานสอนใจ คนหวงความรู้
ผม ได้อ่านนิทานจีนเรื่องหนึ่งซึ่งน่าจะให้ข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องของการสอนงาน ได้ดี ซึ่งนิทานเรื่องนี้ ทางคุณ pkintershop ได้เรียบเรียงไว้ ลองอ่านกันดูนะครับ
ในช่วงสมัยที่จีนนั้น ยังมีการแข่งขันเพื่อสอบเป็นจอหงวน มีหลายสำนักหลายที่ เปิดสอนวิชาให้กับ เหล่าบุรุษที่สนใจใฝ่ศึกษา และต้องการที่จะเข้าสอบแข่งขันจอหงวน และในสำนักแห่งหนึ่ง ก็จะมีผู้ที่มาร่ำเรียนศึกษาวิชากันอย่างมากมาย และแน่นอนว่า จะต้องมีทั้งผู้ที่หัวดี จดจำได้ไว กับผู้ที่ค่อนข้างจะหัวช้า และในสำนักแห่งนั้น ก็มีศิษย์เอกประจำสำนักสองคนคือ อาหวัง กับ อาหลง
อาหวังนั้น เป็นลูกขุนนาง ศักดินาใหญ่โต อาหวังเข้ามาเรียนที่นี่ได้ ก็เป็นเพราะด้วยบารมีของพ่อของเขาที่รู้จักกับอาจารย์ประจำสำนัก ส่วน อาหลงนั้น เป็นลูกของคหบดีผู้มั่งคั่ง ด้วยความที่ อาหวังเป็นลูกขุนนางใหญ่ ท่านพ่อท่านแม่ของอาหวัง จึงตั้งความหวังในตัวของเขาเป็นอย่างมาก ที่จะต้องสอบแข่งขันจอหงวนในครั้งนี้ให้จงได้ ส่วนอาหลงนั้น ทางพ่อของเขา ก็ไม่ได้หวังอะไรเท่ากับ อาหวัง เพราะว่า หากอาหลงไม่สามารถสอบแข่งขันเป็นจอหงวนได้ อาหลงก็กลับมาสืบสานกิจการต่อที่บ้านของเขาได้
อีกสิ่งหนึ่ง ที่ต่างกันของสองศิษย์เอกในสำนักนี้ก็คือ อาหวัง เป็นคนที่หวงวิชามาก ไม่ว่าศิษย์คนไหนใหม่เก่า มาถามถึง วิชาความรู้อะไรที่ไม่เข้าใจ เขาก็มักจะไม่ตอบ หรือไม่ก็หาทางหลบเลี่ยงอยู่เสมอ เพราะว่า เขากลัวว่า หากเขาสอนหรือแนะนำใครไปแล้ว คนที่เขาสอนจะเก่งเกินหน้าเกินตาตัวเองไป
ส่วนอาหลงนั้น คุณลักษณะแตกต่าง เขาเป็นคนจิตใจเอื้อเฟื้ออารี หากว่ามีใครคนใหน ไม่เข้าใจตรงใหน หรือมาถามอะไร อาหลงยินดีให้คำชี้แนะอย่างเต็มความสามารถ บางครั้ง เขาก็เชื้อเชิญเพื่อนๆของเขาเอง หรือกลุ่มนักศึกษา มาที่บ้านพักของเขา เพื่อปรึกษา พูดคุยเกี่ยวกับการเรียน ซึ่งอาหลงว ก็จะเป็นคนที่อธิบายความรู้วิชายากๆ นำมาแนะนำให้กับคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีแทนอาจารย์
เมื่ออาหวัง เห็นการกระทำของอาหลงที่แตกต่างจากตน ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ วันหนึ่ง อาหวังเห็น อาหลง นั่งอ่านตำราอยู่คนเดียว ใต้ต้นดอกท้อของสำนัก จึงได้เดินเข้าไปหา แล้วไต่ถามด้วยความสงสัย
"อา หลง ข้าขอถามเจ้า จริงๆเถอะนะ การที่เจ้าไปอธิบาย วิชาความรู้ของเจ้า เจ้าไม่กลัวบ้างรึ ที่เขาจะมาแข่งแย่งชิงตำแหน่งจอหงวนของเจ้าไป " อาหวังถาม
เมื่ออาหลงได้ยินคำถามของอาหวัง ก็หัวเราะ พร้อม สั่นหัว พร้อมหันมายิ้มเล็กน้อย ก่อนตอบว่า
"หาเป็นเช่นนั้นเลยอาหวัง การที่ข้าอธิบายวิชาความรู้นั่นแหละ ที่จะทำให้ข้ามีโอกาสได้ตำแหน่งจอหงวน มากยิ่งขึ้นๆ" อาหลงตอบ
"เหอะ เจ้าพูดอย่างกับว่าข้าเป็นคนไม่ประสา ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว" ว่าแล้ว อาหวังก็เดินจากไป
ในช่วงนี้ทุกคนต่างก็พยายามทบทวนความรู้ก่อนที่จะเดินทางไปสอบจอหงวน อาหวัง นั้นก็ยังนั่งทบทวนตำราเพียงลำพังในมุมๆหนึ่งของสำนัก ต่างกับอาหลงที่นั่งทบทวน พร้อมแนะแนว อธิบายให้กับเพื่อนๆอีกหลายคนเช่นเดิม
เมื่อการสอบผ่านไป และมีการประกาศผลสอบจอหงวนออกมา ผู้ที่ได้ตำแหน่งจอหงวน ก็คือ "อาหลง" ซึ่งทำคะแนนได้สูงมากเลยทีเดียว ส่วนอาหวังนั้น ได้ตำแหน่งรองลงมาจาก อาหลง อยู่ค่อนข้างเยอะ และในขณะที่อาหวัง นั่งเศร้าโศกเสียใจอยู่นั้น อาหลงก็เดินไปหาและกล่าวว่า
"อาหวังเอ๋ย การที่เราอธิบายวิชาให้ผู้อื่นนั้น ก็เท่ากับเราเรียนเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวเลยทีเดียวนะ"
อ่านจบแล้วคิดอย่างไรกันบ้างครับ ผมอ่านจบ ผมนั่งคิดถึงผู้บริหารบางคนที่มีความรู้ความสามารถมากๆ แต่หวงวิชาเก็บความรู้ไว้คนเดียว สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา ตนเองก็อยู่กับความรู้เดิมๆ ที่มีอยู่ในขณะที่โลกก็เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ผิดกับผู้บริหารบางคนที่พยายามถ่ายทอดความรู้ที่มีให้กับลูกน้องโดยไม่เคย หวงวิชา ซึ่งพอถ่ายทอดไปสักพักก็อาจจะมีลูกน้องที่สอบถาม มีข้อสงสัย และมีการนำเอาความรู้ใหม่ๆ มาเปรียบเทียบ ซึ่งก็ทำให้คนสอนนั้นได้แลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ๆ อีกทั้งยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมออีกด้วย เพราะมิฉะนั้นแล้วก็จะสอนคนอื่นไม่ได้อีกเช่นกัน
ยิ่งสอน ท่านก็จะยิ่งได้ และจะยิ่งเชี่ยวชาญในความรู้นั้นเพิ่มมากขึ้นด้วย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น