ทุกวันนี้เรื่องของการฝึกอบรมพนักงานดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เป็นที่นิยมกันมาก สำหรับพัฒนาพนักงานในองค์กร เพราะจะเห็นได้จาก วิทยากร หรือบางคนเป็น โค้ช มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีตลาดมากพอ ก็คงไม่เกิดผู้ที่จะให้ความรู้คนอื่นมากขึ้นขนาดนี้ และในระยะหลังๆ มานี้ องค์กรเองก็มีนโยบายในการพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในบางช่วงเวลาอาจจะประสบกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี แต่ก็ไม่เคยทิ้งนโยบายในการพัฒนาพนักงานเลย
ในอดีตสักประมาณ 10-15 ปีที่ผ่านมา เรื่องของการฝึกอบรมยังไม่บูมเท่าทุกวันนี้ พนักงานในองค์กรเองก็มักจะมีคำบ่นว่า องค์กรไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการพัฒนาพนักงานมากนัก ไม่ค่อยมีการฝึกอบรมพนักงาน ทำให้พนักงานขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อยากให้พนักงานทำงานที่ยากขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น แต่กลับไม่มีวิธีในการพัฒนาพนักงานให้มีความพร้อม
แต่พอเป็นในยุค ปัจจุบัน ที่องค์กรส่วนใหญ่พร้อมที่จะพัฒนา กลับกลายเป็นว่าพนักงานกลับรู้สึกว่าการฝึกอบรมนั้นเป็นอะไรที่ทำให้เขาเสีย เวลาทำงานบ้าง และเป็นสิ่งที่พนักงานบางคนไม่ค่อยอยากจะให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่
ทุกวันนี้มีฝ่ายฝึกอบรมขององค์กรขนาดใหญ่หลายองค์กรที่ได้มีโอกาสคุยกัน และจากประสบการณ์ที่ผมมีโอกาสได้เป็นวิทยากรบ้างในบางหลักสูตร ก็พบกับพฤติกรรมของผู้เข้าอบรมหลายๆ แบบ ซึ่งแบบที่ดีก็มีนะครับ แต่ที่จะเขียนในวันนี้จะขอเขียนในมุมพฤติกรรมที่ไม่ค่อยเหมาะสมนักของผู้ เข้าอบรม ซึ่งผมสงสัยมานานแล้วว่า ด้วยพฤติกรรมแบบนี้ การฝึกอบรมมันจะได้ผลต่อคนๆนั้นสักแค่ไหน (แต่ต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะครับว่า พฤติกรรมที่ผมกำลังจะกล่าวถึงนี้ เป็นพฤติกรรมของพนักงานแค่เพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เหมารวมนะครับ พนักงานที่มีพฤติกรรมที่ดีก็มีเยอะอยู่ครับ)
- มาเข้าอบรมสาย ถึงสายมาก พฤติกรรมแรกที่ไม่เหมาะสมอย่างมากก็คือ การมาเข้าอบรมสาย หรือเลยเวลาที่กำหนดไว้ ไม่รู้ว่ามันเป็นวัฒนธรรมอะไรของบ้านเราหรือเปล่า ที่ถึงเวลาจะเริ่มอบรมตามกำหนดการแล้ว แต่ก็ยังขาดผู้เข้าอบรมอยู่เสมอ ไม่เคยมีแบบว่ามากันครบก่อนที่จะเริ่มอบรมเลยสักครั้ง หรือถ้าจะมีก็น้อยครั้งมาก ทั้งๆ ที่เวลาก็ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วจะบอกว่าพนักงานไม่รู้เวลาก็ไม่ใช่ ยิ่งไปกว่านั้น พอถึงเวลาพักเบรค ก็ออกไปรับกาแฟและขนม โดยทั่วไปเขาก็ให้เวลา 15 นาที แต่ก็จะมีประเภทขอต่อเวลาออกไปอีก บางคนหายไปนานมาก กลับมาอีกทีก็เกือบจะพักอีกรอบแล้ว บางคนเดินเข้ามาในห้องอบรมแบบไม่รู้สึกอะไรเลยก็มีนะครับแบบว่า เหมือนเป็นเรื่องปกติที่อยากทำอะไรก็ทำ คำถามคือ คนที่เข้าอบรมตรงเวลา แล้วต้องมานั่งรอคนที่มาสายแบบนี้มันก็ไม่ใช่ ครั้นวิทยากรจะเริ่มเลย บางครั้งก็ยังมีคนมาไม่ถึงครึ่งห้อง ก็เลยเป็นอะไรที่อิหลักอิเหลื่อกันมากมายครับ บางคนมีเหตุผลว่า ติดงานด่วน ถ้าด่วนจริงๆ ก็คงไม่มีใครว่าอะไร แต่สังเกตก็จะต้องมีด่วนแบบนี้ทุกครั้ง กับคนๆ เดิมด้วย จริงๆ การอบรมมันสามารถวางแผนได้ล่วงหน้าอยู่แล้ว วันที่อบรมพนักงานไม่อยู่ ก็น่าจะมีการวางแผนมอบหมายงาน และให้อำนาจในการตัดสินใจงานที่มันไม่ซับซ้อนให้กับพนักงานบางคนที่ทำงานได้ รับไปก่อน ส่วนคนที่มาอบรม ก็น่าจะเต็มที่กับการอบรมเช่นกัน
- เอาคอมพิวเตอร์เข้ามาทำงานไปด้วย อีกเรื่องที่เกือบทุกหลักสูตรในการอบรม ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมภายนอก หรือภายในองค์กรก็ตาม มักจะต้องมีพนักงานที่นำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาในห้องอบรม แล้วก็เปิดนั่งทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย คำถามคือ จะเรียนรู้เรื่องจริงๆ หรือ ผมเคยสอนบางคลาส ผู้เข้าอบรมนั่งพิมพ์งาน นั่งคลิกเมาส์ตลอดเวลา ไม่รู้ว่านั่งเรียนหรือนั่งทำอะไรกันแน่ และอีกเช่นกัน ปัจจุบันนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปอีกเรื่องแล้ว ที่เอาคอมพิวเตอร์เข้ามานั่งเรียนหนังสือ ทั้งๆ ที่การอบรมครั้งนั้นก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ อะไรเลยด้วยซ้ำไป
- นั่งกดโทรศัพท์ตลอดเวลา ต้องย้ำว่าตลอดเวลาจริงๆ นะครับ ตั้งแต่เราเริ่มสอน ก็นั่งกด ก็คิดว่าน่าจะมีธุระอะไรอยู่ สอนไปได้สักพัก ก็ยังกดอยู่ ผ่านไปหนึ่งเบรค ก็จะเห็นวิ่งหาปลั้กไฟ เพื่อที่จะเสียบชาร์ตโทรศัพท์ จากนั้นก็วิ่งไปวิ่งมาระหว่างโต๊ะกับปลั้กไฟมุมห้อง บางคนมี power bank ติดตัวก็นั่งกดโทรศัพท์ได้ทั้งวัน โดยไม่รู้จริงๆ แล้วมาเรียนทำไมเหมือนกัน
- นั่งเรียนให้ครบตามชั่วโมง และตาม IDP บาง แห่งพนักงานที่มาเข้าอบรมบางคน มาเข้าเพราะถูกบังคับให้มา โดยมีเหตุผลว่า ถ้ายังไม่เคยผ่านหลักสูตรนี้ ก็จะไม่มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเพื่อเลื่อนตำแหน่งเป็นต้น ก็เลยลงชื่อเพื่อมาเข้าเรียน คนกลุ่มนี้ก็จะมีพฤติกรรมก็คือ มาสาย ไม่เรียน ไม่ฟัง เล่นโทรศัพท์ บางคนถึงกับนั่งดูหนังในมือถือของตนเองเลยก็มีนะครับ แค่ขอให้มีชื่อว่าได้ผ่านหลักสูตรนี้มาแล้ว หรือเรียนให้ครบ เพื่อให้ได้ใบประกาศนียบัตรมาเป็นหลักฐานก็พอแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น