วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

พฤติกรรมที่ดูเหมือนปกติ แต่กลับไม่เหมาะสมในการทำงาน

criticism

องค์กรทั่วไป ผู้จัดการ และหัวหน้างาน ล้วนแต่อยากได้พนักงานที่มีพฤติกรรมที่ดีในการทำงาน แล้วสิ่งที่เรียกว่าพฤติกรรมที่ดีนั้นเป็นอย่างไร แต่ละองค์กรก็จะมีการกำหนดชุดพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับค่านิยม และวัฒนธรรมองค์กรนั้นๆ ที่ต้องการวางรากฐานสำหรับพนักงานขององค์กรไว้ปฏิบัติร่วมกัน


แม้ว่าพฤติกรรมที่เหมาะสมจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร แต่สิ่งที่ทุกแห่งคิดและมองเหมือนกัน ก็คือ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพนักงานในการทำงาน เรียกได้ว่า ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้ก็จะทำให้การทำงานมีปัญหา และทำให้แนวโน้มผลงานของพนักงานก็จะมีปัญหาเช่นกัน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มักจะเป็นพฤติกรรมที่ตัวพนักงานเองอาจจะไม่รู้ตัว หรือมองว่าไม่เห็นว่าจะมีผลต่อการทำงานอะไรเลย แต่จริงๆ แล้วมีผลกระทบที่ค่อนข้างเยอะทีเดียว
  • กดโทรศัพท์เวลาประชุม ปัจจุบันนี้เรื่องของเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ ได้เลย ถ้าสังเกตในสังคมไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ก็จะเห็นพฤติกรรมการยกโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ โดยที่ไม่สนใจคนรอบข้างว่าจะทำอะไร หรืออยู่ที่ไหน ถ้าอยู่ข้างนอกก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าพนักงานมีพฤติกรรมแบบนี้ในการทำงาน ท่านจะรู้สึกอย่างไร เช่น เวลาประชุม ก็ประชุมไปด้วย หยิบโทรศัพท์มากดไปด้วย หรือบางคนตั้งเป็นระบบสั่นไว้ แต่สุดท้ายเวลามันสั่นคนอื่นก็ได้ยิน สั่นทีไรก็จะต้องหันหน้าไปมองข้อความทุกครั้งไป บางครั้งก็หยิบขึ้นมาตอบข้อความโดยไม่สนใจว่าขณะนั้นกำลังประชุมอยู่ด้วยซ้ำ ไป พฤติกรรมแบบนี้คนที่ทำอาจจะรู้สึกว่าไม่เห็นเป็นไร แต่ถ้าลองนึกภาพผู้เข้าร่วมประชุมนั่งก้มหน้ากดโทรศัพท์กันไปทุกคน โดยที่ไม่มีใครสนใจเรื่องราวในการประชุมเลย ก็คงจะดูไม่จืดเลยทีเดียว ก็เลยเป็นผลทำให้บางองค์กรกำหนดนโยบายอย่างชัดเจนว่า เวลาประชุม ห้ามนำเครื่องมือสื่อสารเข้ามาในห้องประชุมโดยเด็ดขาด
     
  • แชร์ทุกอย่างผ่าน facebook หรือช่องทางอื่นๆ พฤติกรรม อีกประการหนึ่งที่ดูเหมือนปกติ แต่จริงๆ แล้วไม่สมควร ก็คือ การนำเอาความรู้สึกส่วนตัว ความอึดอัด ความไม่พอใจ ที่มีต่อ งาน เจ้านาย ลูกค้า หรือใครก็ตามที่เราคิดต่องานด้วย แชร์ลงใน social media ต่างๆ แม้ว่าจะไม่ได้บอกว่าเป็นใครก็ตาม แต่บางคนก็เดาได้ว่ากำลังพูดถึงใคร หรือถ้าเดาไม่ได้ ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะในการทำงานของคนที่แชร์สิ่งเหล่านั้นอีก ด้วย เท่าที่ผมได้เคยคุยกับ HR ของบริษัทต่างๆ บางคนก็เล่าให้ฟังว่า พนักงานที่บริษัทบางคนเป็นประเภทเหมือนกับว่า จะอกแตกตายถ้าไม่ได้แชร์อะไรสักอย่างลงไป และเรื่องที่แชร์แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องที่ตนเองไม่พอใจคนนั้นคนนี้ สุดท้ายก็ทำให้พนักงานคนอื่นเริ่มไม่อยากที่จะสุงสิงด้วย เพราะคุยทีไรท่านก็เอาความรู้สึกที่ไม่ดีแชร์ลงไปตลอดเวลา บางองค์กรก็ตั้งกฎเกณฑ์ไว้อย่างชัดเจนว่า ห้ามพนักงานแชร์เรื่องราวการทำงาน หรือของบริษัทลงใน social media ถ้าจับได้ ก็จะได้รับหนังสือเตือนกันเลย
  • เอาโน้ตบุ๊กเข้าไปในห้องฝึกอบรม ดู เหมือนจะเป็นพฤติกรรมปกติไปแล้ว สำหรับการเอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเข้าไปในห้องประชุม หรือห้องฝึกอบรม แล้วก็เปิดไปกดไป พร้อมกับการประชุม และอบรม เป็นที่สงสัยว่า ที่บริษัทส่งพนักงานไปเรียนหนังสือนั้น ตกลงไปเรียนหรือไปทำงาน หรือทำอย่างอื่นกันแน่ เพราะการเรียนหนังสือ ก็ควรจะมีสมาธิจดจ่อกับการเรียนนั้นๆ หรือการประชุมก็เช่นกัน ผมเคยเห็นบางคนนั่งพิมพ์ตลอดเวลาในขณะที่กำลังฟังบรรยาย พอเดินแอบไปดู ก็เห็นนั่งพิมพ์งานบ้าง ตอบอีเมล์บ้าง เล่นfacebook บ้าง แล้วแบบนี้จะเรียนรู้เรื่องได้อย่างไร
  • นั่งฟังไปเรื่อยไม่เคยคิดจะจด พฤติกรรม อีกอย่างของคนทำงานรุ่นใหม่ๆ บางคน ก็คือเวลาที่นายสั่งงาน หรืออธิบายรายละเอียดของการทำงาน พนักงานก็เข้าฟังแบบไม่คิดจะจดอะไรเลย นั่งฟังไปเรื่อยๆ บางคนดูเหมือนจะไม่ใส่ใจฟังด้วยซ้ำไป ประเด็นก็คือ แล้วจะจำได้หมดทุกอย่างจริงๆ หรือ ผมเองก็เคยมีลูกน้องที่นั่งฟังอย่างเดียว ไม่คิดจะจดอะไรเลย พอพูดจบผมก็เลยถามว่าเมื่อกี้จับประเด็นอะไรได้บ้างไหนลองเล่าให้ทีมงานคน อื่นฟังหน่อย ก็อึ้งกันไป เพราะไม่ได้จดอะไรไว้ พอไม่ได้จด ประเด็นก็หลุด และจะจำไม่ได้ ผลก็คือ งานที่มอบหมายไป ก็จะไม่ครบถ้วน
  • สงสัยแต่ไม่ถาม แต่เอาไปคุยกันนอกห้องประชุม อีก พฤติกรรมหนึ่งที่ดูไม่ค่อยเหมาะสมก็คือ เวลาที่ประชุมกัน หรือคุยกัน หัวหน้าหรือผู้นำประชุมจะถามว่าใครมีประเด็นอะไรสงสัย หรือคิดต่างอะไร หรือไม่ชอบใจเรื่องอะไร ก็คุยกันในห้องประชุมให้จบเลย แต่กลับเงียบไม่มีใครสงสัยหรือคิดอะไร แต่พอออกจากห้องประชุมเท่านั้นแหละครับ จะเกิดคนเก่งนอกห้องเพียบเลยครับ “ทำไมต้องแบบนี้” “ทำไมไม่ทำแบบนั้น” “แบบนี้มันไม่ใช่” ฯลฯ คุยกันนอกห้องแบบนี้จะได้อะไรขึ้นมาจากการคุยกันครับ ถ้าคิดว่ามีประเด็นก็ควรจะคุยกันให้เคลียร์กันในห้องประชุมเลย เพื่อที่จะได้ออกมาทำงานกันอย่างไม่มีอะไรติดใจ
พฤติกรรมที่ เขียนมาข้างต้นนั้น ดูเผินๆ ก็เหมือนกับว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรง แต่ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ และทำจนเป็นนิสัย มันจะกลายเป็นเนื้อร้ายที่ทำให้การทำงานของบริษัทติดขัดไปหมด และทำให้บรรยากาศในการทำงานไม่ค่อยจะดีนัก อีกทั้งผลงานของพนักงานก็จะแย่ลงด้วย สุดท้ายมันก็จะไปมีผลต่อผลงานขององค์กรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกเช่นกัน

บริษัทของท่านมีพนักงาน หรือผู้จัดการ หรือผู้บริหารที่ทำพฤติกรรมแบบนี้หรือไม่ครับ แล้วท่านรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น