วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

แนวโน้มเกี่ยวกับระบบ HR ที่ยืดหยุ่นมากขึ้นในอนาคต

human-resources-keys

การเก็บรักษาพนักงานที่เก่ง และมีฝีมือให้ทำงานกับองค์กรไปนานๆ นั้นเป็นสิ่งที่องค์กรในยุคปัจจุบันต่างก็พยายามทำกันอย่างเต็มที่ เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่า คนเก่งในยุคนี้หายาก แถมยังเป็นที่ต้องการตัวมากขึ้น อีกทั้งยังมีคนที่สู้ค่าตัว และพยายามซื้อตัวกันไปมา


แล้วองค์กรของเราจะเก็บรักษาคนเก่งไว้ได้อย่างไร งานวิจัยส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบัน มักจะมีปัจจัยหนึ่งที่เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเก็บรักษาพนักงานมือดีๆ ไว้กับองค์กรด้วย ปัจจัยนั้นก็คือ ความยืดหยุ่นของระบบการบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กรที่สามารถตอบสนองความ ต้องการของพนักงานในแต่ละรุ่น (Generation)

แล้วระบบอะไรบ้างในการ บริหารบุคคลที่มีแนวโน้มจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในอนาคตข้างหน้า จากผลการสำรวจค่าจ้างที่ผมทำไว้ทั้งของบริษัทผมเอง และจาก PMAT รวมทั้งงานวิจัยทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลจากต่างประเทศ ต่างก็สรุปไปในแนวทางเดียวกันว่า อนาคตการบริหารทรัพยากรบุคคลจะต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และตอบสนอง Work-Life ของพนักงานแต่ละคนได้อย่างดี จึงจะสามารถที่จะเก็บรักษาคนเก่งๆ ไว้ได้
  • เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น เรื่องแรกของการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ทำได้กันไม่ยากนัก ก็คือ การปรับเปลี่ยนเรื่องของเวลาในการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น จากเดิมที่เวลาเริ่มงาน เลิกงาน เวลาพัก มีการกำหนดตายตัว ก็เริ่มที่จะมีการขยับช่วงของเวลาการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของ พนักงานมากขึ้น โดยยังบริหารเวลาการทำงานต่อวันในจำนวนชั่วโมงทำงานที่เท่าเดิม แต่อาจจะมีการเริ่มงาน และเลิกงานที่แตกต่างกันออกไป
  • วันทำงานที่ยืดหยุ่น เรื่อง ที่สองที่พอจะยืดหยุ่นได้ในการบริหารทรัพยากรบุคคลก็คือ เรื่องของวันทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น กล่าวคือ มีโอกาสในพนักงานสามารถที่จะเลือกวันทำงานได้ด้วยตนเอง โดยที่ยังมีการกำหนดวันหยุดประจำสัปดาห์ไว้ในจำนวนปกติ เพียงแต่พนักงานอาจจะสามารถเลือกวันทำงานได้เอง โดยที่รวมแล้วต้องครบจำนวนชั่วโมงทำงานต่อสัปดาห์ และผลงานจะต้องได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ด้วย บางแห่งเคยทำงานวันเสาร์ ก็มีการขยับเวลาทำงานในแต่ละวันกันใหม่ เพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสหยุดในวันเสาร์อาทิตย์ เนื่องจากพนักงานปัจจุบันนี้ ไม่ค่อยเต็มใจที่จะทำงานในวันเสาร์มากนัก ทำให้บริษัทที่ยังคงต้องทำงานวันเสาร์จะเริ่มหาพนักงานใหม่เข้ามาทำงานได้ ยากมากขึ้นกว่าในอดีต
  • การทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น บางบริษัทเริ่มให้มีการทำงานจากที่บ้านได้ โดยไม่ต้องเข้ามาทำงานที่บริษัท แต่ไม่ใช่ทุกวันนะครับ จะมีการกำหนดวันทำงานในสัปดาห์ว่า พนักงานแต่ละคนสามารถทำงานที่บ้านได้กี่วันต่อสัปดาห์ โดยมีการแจ้งล่วงหน้ากันก่อน บางธุรกิจ และบางตำแหน่งงานแทบจะไม่ต้องเข้าบริษัทเลยด้วยซ้ำไป แต่ก็สามารถทำงานสร้างผลงานให้กับบริษัทได้มากกว่าของเดิมที่ต้องเข้ามาทำ งานที่บริษัท
  • ค่าจ้างที่ยืดหยุ่น เรื่อง นี้อาจจะยังเป็นไปได้ยากในเมืองไทย แต่ที่ต่างประเทศ ก็มีหลายบริษัทที่เริ่มเอาระบบค่าจ้างที่ยืดหยุ่นเข้ามาใช้มากขึ้น กล่าวคือ ให้พนักงานสามารถเลือก Package ในการจ่ายค่าจ้างได้ด้วยตนเองว่า อยากองค์กรประกอบของค่าจ้างในรูปแบบใดบ้าง เช่น Gen Y ก็อยากได้เงินเดือนเพียวๆ โดยที่ไม่ต้องมีเงินได้อื่นๆ ประกอบอีก แต่ถ้าพนักงานบาง Gen ที่ต่างกันไป บางคนก็อยากได้เงินเก็บมากขึ้นกว่าที่จะเอาเงินเดือนเพียงอย่างเดียว เป็นต้น
  • สวัสดิการที่ยืดหยุ่น เรื่อง ของสวัสดิการที่ยืดหยุ่นนั้น เป็นไปได้ในบ้านเรามากกว่าเรื่องของค่าจ้าง เนื่องจากเป็นสิ่งที่พนักงานสามารถที่จะเลือกได้ ให้ตรงกับสไตล์การใช้ชีวิตของพนักงานแต่ละคน โดยองค์กรก็สามารถจัดรูปแบบสวัสดิการไว้หลากหลาย และให้สิทธิพนักงานในแต่ละระดับ มีโอกาสได้เลือกสวัสดิการของบริษัทที่ตรงกับตัวเองมากที่สุด
เนื่องจากในยุคปัจจุบันเริ่มกลายเป็นยุคแห่งปัจเจกบุคคล ก็คือ การทำระบบแบบเหมารวม จะเริ่มใช้ไม่ได้ เนื่องจากความต้องการของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่องค์กรจะมาตอบสนองทุกคนให้แตกต่างกันไปก็ไม่สามารถที่จะทำได้อย่างแน่นอน ดังนั้นองค์กรจึงต้องพยายามจัดระบบบางอย่างที่พอจะยืดหยุ่นไปตามความต้องการ และความสะดวกของพนักงานแต่ละคน ทั้งที่ก็เพื่อที่จะดึงดูด และเก็บรักษาพนักงานมือดีในองค์กรให้ทำงานกับองค์กร โดยไม่อยากลาออกไปทำงานที่อื่น

แล้วบริษัทท่านละครับ มองเรื่องของความยืดหยุ่นไว้บ้างหรือเปล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น