เช่นเคยนะครับ วันศุกร์ปลายสัปดาห์แบบนี้ ผมก็จะนำเอานิทานสอนใจดีๆ ที่ได้อ่านเจอมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่าน เพื่อให้เกิดความสบายใจ และมีความรู้สึกที่ดีๆ กัน วันนี้เหมือนเดิมครับ เป็นนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยาครับ
ที่เมืองพาราณสีได้มีการจัดงานบวงสรวงครั้งยิ่งใหญ่ต่อองค์พระศิวะถึง 7 วัน 7 คืน พระศิวะมหาเทพซึ่งประทับอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ทอดพระเนตรงานครั้งนี้ด้วยความสน พระทัยจนกระทั่งผ่านไป 3 วันตามวันเวลาบนโลกมนุษย์พระองค์ก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงเลิกสนพระทัยงานบวงสรวงนั้น
ปาวารตี เทพเจ้าอีกองค์หนึ่งได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนพระศิวะและกล่าวแสดงความยินดีกับพระศิวะว่า
“ตอน นี้พวกมนุษย์ได้จัดงานบวงสรวงยิ่งใหญ่มอบให้แก่พระองค์ซึ่งแสดงว่าพระองค์ เป็นที่รักและศรัทธายิ่งของมนุษย์ไม่เสื่อมคลายข้าพระองค์เห็นแล้วก็รู้สึก ชื่นชมในพระบารมียิ่งนัก”
“อย่าใช้สิ่งที่เจ้าเห็นและคิดเองมาเยินยอข้าเลยปาวตี” พระศิวะตรัสอย่างไม่ยินดีด้วย
“จริง อยู่ที่มีฝูงชนมากมายถือดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาข้าแต่พวกเขาไม่ได้มาด้วยใจที่ บริสุทธิ์จริงๆบางคนไม่มีความเมตตา บางคนละโมบโลภมากและมีหลายคนจิตใจมัวเมาไปด้วยกิเลสพวกเขามาเพื่อต้องการขอ นั่น ขอนี่มากมายซึ่งข้าไม่มีทางยินยอมให้พรของข้าตกไปอยู่กับมนุษย์ที่มีจิตใจ ต่ำอย่างนั้นหรอก”
เทพทั้ง 2 จึงลงมาพิสูจน์ความจริงโดยพระศิวะได้แปลงกายเป็นชายชราป่วยหนักส่วน เทพปาวารตีก็แปลงกายเป็นหญิงชราผู้เป็นภรรยาชายชราซึ่งที่จริงแล้วคือเทพปาว ตี ได้อ้อนวอนขอน้ำจากฝูงชนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยเสียงแหบแห้งว่า
“ท่าน ผู้เจริญ ได้โปรดแบ่งอาหารและน้ำให้เราสองผัวเมียบ้างเถิดสามีข้าป่วยหนักใกล้ตาย เพราะอดอาหารส่วนข้ากระหายน้ำจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว”
หญิงชาวบ้านคนหนึ่งเดินมากับสามีของนางและได้สบสายตาอันน่าเวทนาของหญิงชราโดยบังเอิญนางจึงกล่าวว่า
“ข้าให้ของเหล่านี้กับพวกเจ้าไม่ได้หรอกเพราะข้าต้องนำอาหารรสเลิศและน้ำบริสุทธิ์ในคณโทไปถวายองค์พระศิวะ เพื่อให้อำนวยพรแก่ข้า” หญิงชราส่งสายตาอ้อนวอนพร้อมกับกล่าวว่า
“แต่ ข้าและสามีข้ากำลังจะตายเพราะขาดอาหารและน้ำและพระศิวะคงไม่ว่าอะไรกระมัง ถ้าท่านจะแบ่งของเหล่านั้นให้เราทั้งสองบ้างเพราะพระองค์ก็มีของบูชามาก มายอยู่แล้ว”
เมื่อสามีได้ยินชาวบ้าน พูดเช่นนั้นก็โกรธมาก“ชิชะ! เจ้าคนจรจัดโสโครก หากพวกเจ้าได้อาหารชั้นเลิศของข้าไปข้าจะได้อะไรตอบแทนจากพวกเจ้าบ้างเจ้ามีปัญญาให้พรข้าเหมือนพระศิวะหรือ”
ดูเหมือนว่าคนอื่นๆที่ผ่านไปมา ก็คิดไม่ต่างจากสามีภรรยาคู่นี้เท่าไหร่นักแทบทุกคนเห็นว่าชายชราและหญิงชรา เป็นผู้ทำลายบรรยากาศอันเป็นสิริมงคลอย่างไม่น่าให้อภัยนอกจากพวกเขาไม่แบ่ง อาหารหรือน้ำให้สักหยดแล้วยังพากันด่าว่าสองผัวเมียด้วยถ้อยคำหยาบคายด้วย
จนกระทั่งมีชายหนุ่มหน้าตามอมแมมเดินผ่านมาแต่เขาไม่มีเครื่องบูชามากมายดัง เช่นคนอื่นๆมีเพียงคณโท ใส่น้ำหนึ่งใบอยู่ในมือเท่านั้นเมื่อเห็นชายหนุ่มหญิงชราก็อ้อนวอนขอน้ำจาก เขาชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันมามองผู้ชราทั้งสองอย่างน่าเวทนา
“ข้า ไม่มีอาหารดีๆ ให้ตากับยายหรอกมีเพียงน้ำบริสุทธิ์ซึ่งเป็นของดีที่สุดที่ข้าพอจะหามาบูชา แด่พระศิวะได้เท่านั้นถ้าอย่างนั้นตากับยายเอาไปแบ่งกันดื่มเถิด”
“เจ้าไม่เสียดายน้ำนี่รึ เจ้าไม่อยากนำไปถวายพระศิวะเพื่อขอพรจากพระองค์หรอกหรือ” ชายชราถามขึ้นมาบ้าง
“ไม่ เป็นไรหรอก อันที่จริงก็ใช่ว่าข้าจะเป็นคนดีอะไรข้าไม่เคยทำความดี มิหนำซ้ำยังเป็นหัวขโมยที่มักหยิบฉวยของคนอื่นอยู่บ่อยๆคนอย่างข้าถึงจะนำ ของดีเลิศไปถวายพระศิวะพระอค์ก็ไม่ทรงเมตตาให้พรแก่ข้า มีแต่จะทรงสาปแช่งข้าด้วยซ้ำแต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นพวกท่านแล้ว เกิดความสงสารอยากทำความดีแก่คนอื่นบ้าง”
ทันทีที่น้ำหยดสุดท้ายหมดจากคณโทร่างชราของคนทั้งคู่ก็กลับคืนเป็นพระศิวะมหาเทพและเทพปาวารตีดังเดิม
“อย่ากลัวไปเลย ข้าคือศิวะ และนี่คือปาวตีเทพเจ้าอีกองค์หนึ่งบนสรวงสวรรค์ ข้ากับปาวตีแปลงกายเป็นชายและหญิงชราเพื่อลองใจมนุษย์ที่ดั้นด้นมาบูชาข้า และเจ้าทำให้ข้าได้ประจักษ์ชัดว่า ผู้ที่ทำให้ข้าพอใจและสมควรได้รับพรจากข้าต้องเป็นผู้ที่มีความดีงามอยู่ใน จิตใจ มิใช่ผู้ที่ถวายเครื่องบูชาชั้นยอดฝูงชนมากมายมาเพื่อบูชาข้า แต่มีเจ้าเพียงคนเดียวที่สมควรได้ขึ้นสวรรค์เมื่อใดที่สิ้นอายุขัยของเจ้า แล้วข้ายินดีที่จะรับเจ้าขึ้นบนสรวงสวรรค์”
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็เกิดความปิติยิ่งเขารีบพนมมือขึ้นแล้วกล่าวคำสัญญาต่องค์ศิวะมหาเทพ และเทพปาวตีว่า
“ข้าพระองค์สัญญาว่าจะเป็นคนดีที่คู่ควรกับพรอันประเสริฐของพระองค์ต่อไปนี้ข้า พระองค์จะเลิกเป็นขโมย เลิกทุจริต เลิกฉ้อโกงเลิกเอาเปรียบคนอื่นอย่างเด็ดขาด และจะตั้งใจทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ”
เธอทั้งหลาย
- เธอควรทำความดีตลอดเวลาทั้งต่อหน้าและลับหลังผู้อื่น
- สำหรับ ใครที่ไม่ใช่คนดีก็ไม่เป็นปัญหาปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อไหร่จะเป็นคนดีถ้าเธอ รู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งไม่ดี เธอก็จงหยุดเสียในครั้งแรกๆ เธออาจเกิดความไม่ชอบใจทั้งๆที่เธอก็สู้อุตส่าห์เปลี่ยนแปลงตนเองแต่ไม่มี สิ่งตอบแทนกลับมาบ้าง ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครชื่นชมแต่เธอลองคิดดูเถิด ก่อนที่เธอจะเริ่มความดีเธอได้ทำความเดือดร้อนไปให้คนอื่นมากเท่าไรคนที่ เจ็บปวดเพราะเธอ เขาย่อมไม่อยากถูกทำร้ายอีกดังนั้นเขาจึงต้องปฏิเสธเอาไว้ก่อนเป็นเรื่อง ปกติที่ย่อมเกิดกับคนที่เพิ่งเริ่มทำความดี
- อย่ายอมแพ้ จงมีจุดยืนเป็นของตนเอง และเฝ้าทำความดีตลอดไปแม้วันนี้ไม่มีใครมองเห็น แต่สักวันอาจมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
- บางครั้งความดีก็ทำยาก แต่เพราะยากเราจึงต้องทำเหมือนข้อสอบนั่นอย่างไร ถ้าข้อสอบง่ายเกินไปจะรู้ได้อย่างไรว่าคนเข้าสอบเก่งจริงๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น