วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

ทำไมบริษัทเราถึงเป็นโรงเรียนฝึกพนักงานให้บริษัทอื่น


เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่ครับ บริษัทเราสรรหาคัดเลือกพนักงานเข้ามาด้วยความเหนื่อยยาก มีการลงทุนสร้างระบบการคัดเลือกพนักงานอย่างดี เพื่อให้ได้มาซึ่งพนักงานที่เหมาะสมกับบริษัทมากที่สุด เมื่อพนักงานเข้ามาแล้ว ก็มีระบบการฝึกอบรมทั้งหน้างาน และฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ และทักษะอีกมากมาย เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่า พนักงานจะมีความพร้อม และสามารถที่จะรับผิดชอบงานที่ท้าทายมากขึ้นได้ พอพัฒนา และฝึกจนสามารถที่จะลงมือทำงานได้จริงๆ แล้ว พนักงานคนนั้นก็มาขอลาออก เพื่อไปทำงานที่บริษัทอื่น ซึ่งบางบริษัทก็เป็นคู่แข่งของเราก็มี แล้วเราก็ต้องมานั่งหาคน ฝึกคนกันใหม่อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนี้


เราลองมาดูสาเหตุกันว่า อะไรบ้างที่ทำให้บริษัทของเรากลายเป็นโรงเรียนชั้นดีให้กับคู่แข่งของเราเอง
  • ระบบค่าตอบแทนที่ไม่สามารถแข่งขันได้ สาเหตุ แรกสุดที่ทำให้เรากลายเป็นโรงเรียนที่ดี ก็คือ บริษัทของเรามีระบบการจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่สามารถแข่งขันได้ คำว่าไม่สามารแข่งขันได้นั้น ไม่ได้แปลว่า จ่ายต่ำนะครับ โดยทั่วไปบริษัทที่เป็นโรงเรียนได้นั้น มักจะจ่ายอัตราแรกจ้างที่สูงพอสมควร แต่สิ่งที่ทำให้พนักงานขอลาออกและเปลี่ยนงานก็คือ การบริหารการขึ้นเงินเดือนที่มีปัญหา กล่าวคือ ขึ้นเงินเดือนในอัตราที่แข่งขันกับตลาดไม่ได้ ซึ่งทำให้ที่อื่นสามารถที่จะเสนอเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่าได้โดยไม่ยากนัก สิ่งที่เคยประสบมาด้วยตนเองก็คือ พนักงานที่ถูกฝึกมาอย่างดี ทำผลงานได้ในระดับ A กลับได้รับการขึ้นเงินเดือน และโบนัสไม่แตกต่างกับพนักงานที่มีผลงานในระดับ D ผลก็คือ คนเก่งๆ ก็ไม่อยากอยู่ทำงานด้วย ตัวอย่างที่เคยเห็นก็คือ A ได้ 5% B ได้ 5.25% C ได้ 5% D ได้ 4.75% และ E ได้ 4.5% การขึ้นเงินเดือนระหว่างผลงานดีสุด กับแย่สุดต่างกันแค่เพียง 1% แบบนี้คนเก่งๆ ก็คงไม่อยากอยู่ทำงานต่อแน่นอนครับ
  • ระบบการประเมินผลงานที่มีปัญหา อีก สาเหตุที่ทำให้เราเป็นโรงเรียนชั้นดีให้กับคู่แข่งก็คือ ระบบการประเมินผลงานของบริษัทเรามีปัญหา กล่าวคือ ระบบประเมินผลไม่ได้ตอบโจทย์ในเรื่องของผลงาน แต่ตอบในเรื่องความรู้สึกของคนประเมินมากกว่า ทำงานได้ดี แต่ไม่ถูกใจหัวหน้า หัวหน้าก็สามารถที่จะประเมินให้ผลงานแย่ลงได้ ด้วยระบบประเมินผลงานที่ไม่มีข้อมูลผลงานจริงๆ มาประเมิน ไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจน และไม่สามารถชี้แจงพนักงานได้นั้น ประกอบกับระบบค่าตอบแทนที่ให้ไม่แตกต่างกันระหว่างผลงาน ก็จะยิ่งส่งเสริมให้บริษัทของเรากลายเป็นโรงเรียนชั้นดีให้กับที่อื่นได้ ง่ายๆ
  • ไม่มีเส้นทางเติบโต อีก สาเหตุหนึ่งก็คือ พนักงานรู้สึกว่าอยู่ทำงานไปก็ไม่มีที่จะให้เติบโตไปไหนได้ เส้นทางความก้าวหน้าทางสายอาชีพไม่มีความชัดเจน เก่งให้ตายแต่ไม่รู้ว่าตนเองจะโตไปไหนได้บ้าง แบบนี้พนักงานก็ไม่อยากอยู่ทำงาน
  • หาคนได้ไม่ตรงกับวัฒนธรรมขององค์กร สาเหตุ สุดท้ายที่ทำให้เรากลายเป็นโรงเรียนไปก็คือ การสรรหาคัดเลือกพนักงานตั้งแต่ต้นทาง ไม่สามารถหาพนักงานที่มีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมขององค์กร กล่าวคือ ค่านิยมของพนักงาน กับค่านิยมขององค์กรไปกันคนละทาง เวลาทำงาน ก็ทำให้พนักงานรู้สึกได้ว่า มันไม่ใช่เลย พนักงานที่รู้สึกแบบนี้ ก็จะตั้งใจเรียน ตั้งใจฝึกฝน ให้ตัวเองมีฝีมือ เพื่อรอเวลาที่จะออกไปทำงานที่บริษัทอื่นที่มีค่านิยมที่ตรงกับที่ตนเองต้อง การ
ดังนั้นถ้าเราไม่อยากเป็นโรงเรียนให้กับคนอื่น เนื่องจากต้นทุนในการสรรหาคัดเลือกคนนั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีต้นทุนในการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานที่บริษัทต้องลงทุน บริษัทเราเองก็ควรจะต้องพัฒนาในเรื่องต่อไปนี้ให้มีความชัดเจนและเป็นธรรม
  • ระบบการประเมินผลงาน ที่สามารถสะท้อนผลงานของพนักงานได้อย่างชัดเจน
  • ระบบค่าตอบแทน และระบบการให้รางวัลตอบแทนผลงาน ที่ชัดเจนตามผลงานที่แสดงออก
  • ระบบความก้าวหน้าในสายอาชีพ
  • ระบบบริหารคนเก่ง Talent Management System
ถ้าเราทำระบบต่างๆ ข้างต้นให้ดี พนักงานที่เก่งๆ ที่เราลงทุนสร้างมา ก็จะรู้สึกถึงความเป็นธรรมในการบริหารจัดการ และรู้สึกว่า ทำงานที่นี่แล้วมีอนาคตไกล ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องของความรู้ ตำแหน่ง และค่าตอบแทนและสวัสดิการ แต่สิ่งที่ผมพบเจอมาก็คือผู้บริหารมักจะไม่ค่อยลงทุนกับเรื่องเหล่านี้เท่า ไหร่ เพราะอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว

HR คงต้องคำนวณต้นทุนทั้งหมดตั้งแต่ต้นทุนการสรรหาคัดเลือก ต้นทุนการพัฒนาพนักงาน รวมทั้งต้นทุนค่าเสียโอกาส ของพนักงานที่เราหามา แล้วออกไปทำงานที่อื่น เทียบกับต้นทุนที่ต้องวางระบบเหล่านี้ให้ดี ผมคิดว่ายังไงมันก็คุ้มกว่ากันเยอะครับ ถ้าเรามองระยะยาวกันจริงๆ

แค่นี้เราก็ไม่ต้องเป็นโรงเรียนให้กับที่อื่นแล้วครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น