เรื่องของการให้ Feedback ผลงานกับพนักงานเป็นเรื่องที่ในช่วงนี้มีคนพูดถึงบ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะเริ่มที่จะเข้าใจเรื่องราวของการพัฒนาผลงานของพนักงานมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของระบบบริหารผลงานที่หลายๆ บริษัทเริ่มนำเอาระบบนี้มาใช้อย่างจริงจัง ซึ่งระบบนี้ได้กล่าวถึงเรื่องของการให้ Feedback ผลงานของพนักงานว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะถ้าอยากจะให้ผลงานของพนักงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก็ต้องมีการให้ Feedback ผลงานกันอย่างสม่ำเสมอ
แต่พอถึงเวลาเอาเรื่อง Feedback ไปใช้ในทางปฏิบัติ ก็เริ่มเกิดปัญหาตามมา ปัญหาที่เจอกันมากก็คือ ผู้จัดการที่จะต้องให้ Feed back พนักงานก็จะมาบ่นให้ฟังว่า ไม่ค่อยชอบใจที่จะเรียกพนักงานมาคุยเรื่องแบบนี้เลย เพราะไม่อยากทำให้พนักงานคนนั้นรู้สึกไม่ดีในการทำงาน ในกรณีที่มีผลงานที่ไม่ดี ปัญหาที่ผู้จัดการบ่นกันเยอะก็คือ พนักงานบางคนให้ Feedback ไปแล้ว เขาก็ไม่ฟัง ไม่สนใจ และไม่ใส่ใจที่จะฟังและคิดตามในสิ่งที่เราบอกเขาไป
บอกให้ปรับปรุง อะไรก็ไม่สนใจ บอกว่านี่คือสิ่งที่ไม่ดี ก็ไม่สนใจเช่นกัน จนทำให้ผู้จัดการบางคนเริ่มท้อแท้และมองว่าระบบ Feedback นี้มันไม่ได้ผลอะไรเลย ไหนว่าดีนักดีหนา ท่านผู้อ่านล่ะครับคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ
เคยดูรายการ The Voice บ้างมั้ยครับ เอาของประเทศไทยก็ได้
เคยเห็นเวลาที่โค้ชทั้ง 4 คน Feedback คนที่เข้ามาคัดเลือกหรือไม่ครับ สังเกตมั้ยครับว่า คนที่เข้าประกวดเขายินดีรับฟังอย่างมาก เปิดใจฟัง และยินดีที่จะเอาสิ่งที่ได้ไปทำการพัฒนาตนเองต่อ
คำถามก็คือ ทำไมเขาถึงยอมรับฟัง
เหตุผลมีดังนี้ครับ
- ความเชื่อมั่น (Trust) คนที่เข้ามาคัดเลือกแต่ละคน เข้ามาในรายการนี้ก็เนื่องจากมีเป้าหมายเดียวกัน ก็คือต้องการแสดงความสามารถในการร้องเพลง ซึ่งคนที่เป็นโค้ช ก็ได้พิสูจน์จากผลงานของตนเองแล้วว่าเป็นคนที่มีผลงานที่ดี ยิ่งไปกว่านั้นในรายการปีที่ผ่านๆ มา เราก็ได้เห็นผลงานการโค้ชของคนเหล่านี้อย่างดี ก็เลยทำให้คนที่เข้าประกวดมีความเชื่อมั่นต่อโค้ชกลุ่มนี้ เวลาที่ได้ Feedback ก็ยินดีที่จะรับฟัง และน้อมรับเอาสิ่งที่โค้ชได้บอกมาพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ก็เนื่องมากจากคำว่า Trust นั่นเอง
- ต้องการให้ผลงานดีขึ้นจริงๆ คน ที่เป็นโค้ช ที่ให้ Feedback กับผู้แข่งขันนั้น เขาไม่ได้ต้องการอะไรเลย สิ่งที่เขาพยายามทำก็คือ ทำให้ผลงานของนักร้องคนนั้นดีขึ้นไปอีก หาจุดแข็ง และจุดที่ได้เปรียบคนอื่นมาเป็นจุดในการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก คนที่ถูกโค้ชเอง ก็รับรู้ได้ว่า Feedback ที่ได้รับมาจากโค้ชนั้น มีแต่ความหวังดี และจริงใจ และเป็นข้อแนะนำที่จะทำให้ตนเองดีขึ้นไปอีก ดังนั้นก็เลยยิ่งอยากเปิดใจรับฟัง เพื่อให้ตนเองมีผลงานที่ดีขึ้นกว่าเดิม
- เน้นบรรยากาศเชิงบวก เวลา ที่โค้ชกลุ่มนี้ให้ Feedback เรามักจะเห็นว่าจะมีบรรยากาศในเชิงบวกอยู่เสมอ มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ และพยายามสร้างอารมณ์ขันให้เกิดขึ้นกับการให้ Feedback อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ทิ้งแก่นของมัน เมื่อคนรับ Feedback รู้สึกถึงความจริงใจ และรับรู้ถึงบรรยากาศในเชิงบวกแล้ว ก็ยิ่งทำให้เขาเปิดใจรับฟัง Feedback มากขึ้น
ดังนั้นถ้าเราอยากจะทำให้ Feedback ได้ผลจริงๆ แล้วล่ะก็ หัวหน้าเองจะต้องเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตนเองกับลูกน้องแต่ ละคนก่อน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและศรัทธาเกิดขึ้น เมื่อเกิดสองสิ่งนี้แล้ว Feedback ก็จะได้ผลดีมากขึ้น นอกนั้นก็เป็นเรื่องของความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาให้ผลงานของพนักงานดีขึ้น จริงๆ ก็คือ ไม่ใช่ให้ Feedback เพื่อความสะใจที่พนักงานทำงานไม่ได้ตามเป้า แต่ต้องให้เพื่อที่จะทำให้พนักงานรู้ว่าอะไรดีไม่ดี เจตนาก็คือต้องการที่จะพัฒนาพนักงานให้มีผลงานที่ดีขึ้นมากกว่า ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ พนักงานเองก็รับรู้ได้ไม่ยากว่านายคิดยังไงกันแน่
ย้ำอีกครั้งนะครับ Feedback ที่ดีและพนักงานรับฟังนั้น มีพื้นฐานมาจาก ความสัมพันธ์ที่ดี และ Trust ระหว่างกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น