วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

นิทานเซน พ่อค้าซื้อขาโต๊ะ

chinese art 
วันศุกร์มาถึงอีกครั้งแล้วนะครับ แต่ละสัปดาห์ช่างผ่านไปเร็วมาก บางครั้งเร็วจนเรารู้สึกว่าทำงานกันไม่ทันเลยก็มี ยิ่งเข้าช่วงปลายปีแบบนี้ ก็ต้องเร่งทำผลงานกันมากขึ้นเพราะใกล้สิ้นปีแล้ว ยิ่งผลงานดี ค่าตอบแทนก็น่าจะดีไปด้วย วันนี้ผมก็เอานิทานสอนใจมาให้อ่านเช่นเคยครับ เป็นนิทานเซนอีกเรื่องหนึ่งที่สอนคนที่ไม่ซื่อสัตย์ คิดที่จะโกงคนอื่น ก็ต้องได้รับผลกรรมแห่งเจตนาที่ไม่ดีของตนเอง เรื่องราวมีดังนี้ครับ


ยังมีพ่อค้าของเก่าจอมเจ้าเล่ห์รายหนึ่งเดินทางผ่านมายังอารามเซน ขณะมองเข้าไปในอาราม บังเอิญพบเห็นโต๊ะโบราณซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของที่เคยใช้ภายในราชสำนักตัว หนึ่งตั้งอยู่ด้านใน โต๊ะตัวนี้งดงามยิ่ง ทำจากไม้หายากลวดลายแกะสลักวิจิตรบรรจง ไม่ว่าจะมองในแง่คุณค่าทางศิลปะหรือมูลค่าแท้จริงก็ล้วนจัดว่าโต๊ะตัวนี้คือ ของล้ำค่า เมื่อเห็นดังนั้นพ่อค้าจึงตาลุกวาว คิดแผนการว่าทำอย่างไรจึงจะได้โต๊ะมาในราคาที่คุ้มทุนที่สุด

ขณะนั้นเป็นเวลาพอดีกันกับที่เณรน้อยรูปหนึ่งต้องนำโต๊ะตัวดังกล่าวออกมารับแสงแดด และเช็ดถูทำความสะอาด พ่อค้าจึงได้จังหวะเข้าไปพูดคุยกับเณรว่า "โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะที่งดงามยิ่ง" เณรน้อยมิตอบคำ ตั้งหน้าตั้งตาเช็ดโต๊ะต่อไป

พ่อค้าจึงกล่าวอีกว่า "แม้ว่าจะสวยงาม แต่น่าเสียดายที่มันเป็นของปลอม เพราะของจริงนั้นตั้งอยู่ที่บ้านของข้าเอง" เณรน้อยยังคงมิใส่ใจ

พ่อค้าไม่ละความพยายามกล่าวต่อไปอีกว่า "น่าเสียดาย เมื่อตอนที่ข้าย้ายบ้าน ไม่ทันระวังทำขาโต๊ะโบราณของข้าหักไป 2 ข้าง อยากถามท่านเณรว่าสามารถขายโต๊ะตัวนี้ให้กับข้าในราคา 1 พันตำลึงได้หรือไม่? "

ครานี้เณรจึงเอ่ยปากออกมาว่า "ในเมื่อท่านบอกว่าโต๊ะตัวนี้เป็นของปลอม เช่นนั้นท่านจะซื้อไปทำไมหรือ?"

พ่อค้ารีบตอบว่า "ข้า คิดว่าจะนำขาของโต๊ะของปลอมตัวนี้ไปซ่อมขาโต๊ะที่เป็นของแท้ที่บ้านของ ข้าทำเช่นนี้ท่านเณรก็ได้ประโยชน์สามารถนำเงินไปซื้อโต๊ะของแท้ตัวใหม่ ส่วนข้าก็ได้ซ่อมแซมโต๊ะโบราณอันเป็นสมบัติดั้งเดิมของตระกูลได้สำเร็จ" เณรนิ่งคิดครู่หนึ่งจึงตอบตกลงตามข้อเสนอของพ่อค้าจอมเจ้าเล่ห์

พ่อค้าเห็นดังนั้น ก็พยายามกดข่มความลิงโลดใจไม่ให้ออกนอกหน้า ขณะที่ในใจดีดลูกคิดรางแก้วคำนวณราคาของโต๊ะไว้เสร็จสรรพว่าหากนำโต๊ะที่ได้ จากอารามเซนตัวนี้ไปขายคงได้ราคาไม่ต่ำกว่าสิบหมื่นตำลึง ขณะเดียวกับก็ลอบตำหนิตนเองที่เสนอราคาให้เณรไปถึง 1 พันตำลึง จากนั้นพ่อค้าหัวใสจึงออกปากให้เณรช่วยยกโต๊ะออกไปรอไว้นอกอาราม ส่วนตนเองออกไปหาเสาะรถมาขนย้ายโต๊ะด้วยความอิ่มอกอิ่มใจที่ทำการค้าสำเร็จ

เวลาผ่านไป เมื่อพ่อค้านำรถขนย้ายกลับมายังอารามเซน กลับพบว่าโต๊ะโบราณอันล้ำค่าของเขาถูกแยกชิ้นส่วน ขาโต๊ะอยู่ทาง ตัวโต๊ะอยู่อีกทาง กลายเป็นของไร้ค่ากองหนึ่ง

พ่อค้าตกใจแทบสิ้นสติกัดฟันเอ่ยถามเณรน้อยด้วยความโกรธจัดว่า "โต๊ะของข้า ไฉนจึงเป็นเช่นนี้?"

เณรน้อยกล่าวด้วยความปลอดโปร่งว่า "ข้า กลัวว่ารถขนย้ายจะเล็กเกินไปไม่สามารถขนโต๊ะตัวใหญ่ขนาดนี้ไปได้ จึงจับมันแยกชิ้นส่วน อีกประการหนึ่ง ท่านก็บอกเองว่าต้องการใช้ขาของโต๊ะตัวนี้ ดังนั้นการที่ข้าจัดการแยกขาออกจากโต๊ะให้กับท่าน ยังมิใช่เป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับท่านดอกหรือ?"

เมื่อพ่อค้าได้ยินดังนั้น ได้แต่อับจนถ้อยคำตอบโต้ใดๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น