วันศุกร์มาถึงอีกครั้งแล้วนะครับ แต่ละสัปดาห์ช่างผ่านไปเร็วมาก
บางครั้งเร็วจนเรารู้สึกว่าทำงานกันไม่ทันเลยก็มี ยิ่งเข้าช่วงปลายปีแบบนี้
ก็ต้องเร่งทำผลงานกันมากขึ้นเพราะใกล้สิ้นปีแล้ว ยิ่งผลงานดี
ค่าตอบแทนก็น่าจะดีไปด้วย วันนี้ผมก็เอานิทานสอนใจมาให้อ่านเช่นเคยครับ
เป็นนิทานเซนอีกเรื่องหนึ่งที่สอนคนที่ไม่ซื่อสัตย์ คิดที่จะโกงคนอื่น
ก็ต้องได้รับผลกรรมแห่งเจตนาที่ไม่ดีของตนเอง เรื่องราวมีดังนี้ครับ
ยังมีพ่อค้าของเก่าจอมเจ้าเล่ห์รายหนึ่งเดินทางผ่านมายังอารามเซน
ขณะมองเข้าไปในอาราม
บังเอิญพบเห็นโต๊ะโบราณซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของที่เคยใช้ภายในราชสำนักตัว
หนึ่งตั้งอยู่ด้านใน โต๊ะตัวนี้งดงามยิ่ง
ทำจากไม้หายากลวดลายแกะสลักวิจิตรบรรจง
ไม่ว่าจะมองในแง่คุณค่าทางศิลปะหรือมูลค่าแท้จริงก็ล้วนจัดว่าโต๊ะตัวนี้คือ
ของล้ำค่า เมื่อเห็นดังนั้นพ่อค้าจึงตาลุกวาว
คิดแผนการว่าทำอย่างไรจึงจะได้โต๊ะมาในราคาที่คุ้มทุนที่สุด
ขณะนั้นเป็นเวลาพอดีกันกับที่เณรน้อยรูปหนึ่งต้องนำโต๊ะตัวดังกล่าวออกมารับแสงแดด
และเช็ดถูทำความสะอาด พ่อค้าจึงได้จังหวะเข้าไปพูดคุยกับเณรว่า "โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะที่งดงามยิ่ง" เณรน้อยมิตอบคำ ตั้งหน้าตั้งตาเช็ดโต๊ะต่อไป
พ่อค้าจึงกล่าวอีกว่า "แม้ว่าจะสวยงาม แต่น่าเสียดายที่มันเป็นของปลอม เพราะของจริงนั้นตั้งอยู่ที่บ้านของข้าเอง" เณรน้อยยังคงมิใส่ใจ
พ่อค้าไม่ละความพยายามกล่าวต่อไปอีกว่า "น่าเสียดาย เมื่อตอนที่ข้าย้ายบ้าน ไม่ทันระวังทำขาโต๊ะโบราณของข้าหักไป 2 ข้าง อยากถามท่านเณรว่าสามารถขายโต๊ะตัวนี้ให้กับข้าในราคา 1 พันตำลึงได้หรือไม่? "
ครานี้เณรจึงเอ่ยปากออกมาว่า "ในเมื่อท่านบอกว่าโต๊ะตัวนี้เป็นของปลอม เช่นนั้นท่านจะซื้อไปทำไมหรือ?"
พ่อค้ารีบตอบว่า "ข้า
คิดว่าจะนำขาของโต๊ะของปลอมตัวนี้ไปซ่อมขาโต๊ะที่เป็นของแท้ที่บ้านของ
ข้าทำเช่นนี้ท่านเณรก็ได้ประโยชน์สามารถนำเงินไปซื้อโต๊ะของแท้ตัวใหม่
ส่วนข้าก็ได้ซ่อมแซมโต๊ะโบราณอันเป็นสมบัติดั้งเดิมของตระกูลได้สำเร็จ" เณรนิ่งคิดครู่หนึ่งจึงตอบตกลงตามข้อเสนอของพ่อค้าจอมเจ้าเล่ห์
พ่อค้าเห็นดังนั้น ก็พยายามกดข่มความลิงโลดใจไม่ให้ออกนอกหน้า
ขณะที่ในใจดีดลูกคิดรางแก้วคำนวณราคาของโต๊ะไว้เสร็จสรรพว่าหากนำโต๊ะที่ได้
จากอารามเซนตัวนี้ไปขายคงได้ราคาไม่ต่ำกว่าสิบหมื่นตำลึง
ขณะเดียวกับก็ลอบตำหนิตนเองที่เสนอราคาให้เณรไปถึง 1 พันตำลึง
จากนั้นพ่อค้าหัวใสจึงออกปากให้เณรช่วยยกโต๊ะออกไปรอไว้นอกอาราม
ส่วนตนเองออกไปหาเสาะรถมาขนย้ายโต๊ะด้วยความอิ่มอกอิ่มใจที่ทำการค้าสำเร็จ
เวลาผ่านไป เมื่อพ่อค้านำรถขนย้ายกลับมายังอารามเซน
กลับพบว่าโต๊ะโบราณอันล้ำค่าของเขาถูกแยกชิ้นส่วน ขาโต๊ะอยู่ทาง
ตัวโต๊ะอยู่อีกทาง กลายเป็นของไร้ค่ากองหนึ่ง
พ่อค้าตกใจแทบสิ้นสติกัดฟันเอ่ยถามเณรน้อยด้วยความโกรธจัดว่า "โต๊ะของข้า ไฉนจึงเป็นเช่นนี้?"
เณรน้อยกล่าวด้วยความปลอดโปร่งว่า "ข้า
กลัวว่ารถขนย้ายจะเล็กเกินไปไม่สามารถขนโต๊ะตัวใหญ่ขนาดนี้ไปได้
จึงจับมันแยกชิ้นส่วน อีกประการหนึ่ง
ท่านก็บอกเองว่าต้องการใช้ขาของโต๊ะตัวนี้
ดังนั้นการที่ข้าจัดการแยกขาออกจากโต๊ะให้กับท่าน
ยังมิใช่เป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับท่านดอกหรือ?"
เมื่อพ่อค้าได้ยินดังนั้น ได้แต่อับจนถ้อยคำตอบโต้ใดๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น