วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

นิทานสอนใจ คนแจวเรือ กับนักศึกษา

วันนี้ผมก็นำเอานิทานสอนใจมาให้อ่านกันอีกเรื่องหนึ่งนะครับ เป็นเรื่องราวของคนเก่งทฤษฎี หลักการ มีความรู้มากมาย แต่เข้าข่ายเอาตัวไม่รอด ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ การมีความรู้มากมาย ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น ถ้าเราไม่นำเอาความรู้ที่เรามีไปใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตจริงๆ เรื่องราวมีดังนี้ครับ


มีนักศึกษาผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งได้ทำการว่าจ้างเรือแจวให้พาข้ามฟากในขณะที่ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดูมืดครึ้มและลมเริ่มพัดจนน้ำเกิดเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ

เรือแจวได้แล่นไปอย่างช้าๆ จนเมื่อเรือได้เข้าสู่กระแสน้ำอันเชี่ยวกราด คนแจวเรือจึงต้องใช้ความอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก ส่วนฝ่ายนักศึกษานั้นกำลังนั่งก้มหน้าหนังสือเล่มใหญ่อยู่ จนในที่สุดนักศึกษาก็ได้เงยหน้าขึ้นมาจากตำราแล้วมองไปยังคนแจวเรือ

“ลุงๆ เคยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์บ้างไหม?” นักศึกษาเอ่ยถามขึ้น

“ไม่เคยเลยครับ” คนแจวเรือจ้างตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“ถ้างั้นลุงก็พลาดโอกาสเสียแล้วหละ ในหนังสือประวัติศาสตร์นะลุง เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าอ่านมีเรื่องของกษัตริย์และราชินีในสมัยอดีต รวมถึงเรื่องของสงคราม การต่อสู้ ทำให้เราสามารถรู้ว่าคนในสมัยโบราณใช้ชีวิตกันแบบไหน แต่งกายกันอย่างไร ประวัติศาสตร์จะบอกให้ได้รู้ถึงความเจริญและความเสื่อมลงของชนชาติต่างๆ ทำไมลุงไม่อ่านประวัติศาสตร์บ้างเล่า?”

“ผมไม่เคยเรียนหนังสือครับ” คนแจวเรือตอบ

คนแจวเรือก็ยังคงแจวเรือต่อไป ส่วนนักศึกษาก็ก้มหน้าอ่านตำราต่อไป คงมีแต่เสียงใบแจวกระทบพื้นน้ำเท่านั้น

ผ่านไปสักครู่หนึ่ง  นักศึกษาก็เอ่ยถามคนแจวเรือขึ้นอีก “ภูมิศาสตร์เล่าลุง เคยอ่านบ้างไหม?”

“ไม่เคยเลยครับ”

“ภูมิศาสตร์ เป็นวิชาที่สอนให้เราได้รู้จักกับโลกและประเทศต่างๆ และยังรวมถึงกระทั่งภูเขา แม่น้ำ ลม พายุ ฝน นะลุงวิชาภูมิศาสตร์เป็นวิชาที่น่าสนใจมาก ลุงไม่รู้จักวิชานี้เลยรึ?”

“ไม่เคยเลยครับ” คนแจวเรือตอบ

นักศึกษาส่ายหน้า “ถ้าไม่รู้จักวิชานี้ ชีวิตลุงก็เหมือนไม่มีค่าอะไรเลย”

“วิทยาศาสตร์ละลุงเคยอ่านบ้างรึเปล่า”

“ไม่เคยอีกแหละคุณ”

“ลุงเนี่ยนะเป็นคนยังไงกันแน่? วิทยาศาสตร์ที่ช่วยอธิบายถึงเหตุและผลต่างๆ ลุงรู้มั้ยความก้าวหน้าของคนเราในทุกวันนี้ขึ้นอยู่กับวิทยาศาสตร์โดยตรงเลย นะ นักวิทยาศาสตร์เป็นคนที่สำคัญอย่างมากในโลกนี้เลยก็ว่าได้แต่นี่อะไรลุงกลับ ไม่รู้เรื่องพวกนี้เอาเสียเลยชีวิตของลุงช่างมีค่าน้อยเสียเหลือเกิน”

นักศึกษาปิดตำราของเขาและนั่งเงียบไม่พูดอะไรขึ้นอีก ในช่วงเวลานั้นก้อนเมฆสีดำได้แผ่ขยายและปกคลุมเต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้าลมเริ่ม พัดแรงขึ้นมีฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นเหตุบอกว่าพายุกำลังจะมา และเรือก็ยังเหลือระยะทางอีกกว่าครึ่งซึ่งไกลมากกว่าจะถึงฝั่ง

คนแจวเรือแหงนขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่น ดูเมฆนั่นซิคุณ พายุคงจะมาถึงเราในไม่ช้า คุณว่ายน้ำเป็นไหมครับ?

นักศึกษาพูดขึ้นอย่างตื่นตกใจกลัว
“ว่ายน้ำ ผมว่ายไม่เป็นหรอกลุง”

บัดนี้คนแจวเรือเป็นฝ่ายเลิกคิ้วมองนักศึกษาอย่างประหลาดใจบ้างแล้ว และพูดว่า

“อะไร กันนี่คุณว่ายน้ำไม่เป็นหรอกรึ คุณมีความรอบรู้มากมายออกขนาดนี้ ประวัติศาสตร์เอยภูมิศาสตร์เอย และวิชาวิทยาศาสตร์เอยคุณก็รู้ แต่ทำไมคุณถึงไม่ไปเรียนการว่ายน้ำด้วยเล่า อีกสักประเดี๋ยวเถอะ คุณก็จะได้รู้ว่าชีวิตของคุณไม่มีค่าเลย”

ลมพายุพัดแรง ขึ้นเรื่อยๆ เรือแจวลำน้อยถูกคลื่นและลมโหมซัดพัดกระหน่ำใส่เข้ามาในไม่ช้าไม่นานเรือแจว ก็ถูกคลื่นและพายุซัดจนเรือพลิกคว่ำคนแจวเรือจ้างสามารถว่ายน้ำขึ้นฝั่งมา ได้อย่างปลอดภัย แต่ทว่านักศึกษาผู้น่าสงสารได้จมหายไปในกระแสน้ำอันเชี่ยวกราดนั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น