ช่วงปลายปีแบบนี้มักจะมีเรื่องของข่าวลือหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัทออกมาให้ได้ยินกันเป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่องของเงินๆ ทองๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลงาน โบนัส การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง รวมทั้งแนวทางในการบริหารทรัพยากรบุคคลในปีถัดๆ ไปว่าไปในทางที่ดี หรือแย่
เรื่องราวเหล่านี้ มักจะเป็นที่คุยกันในระดับบริหารมากกว่า แต่อย่างไรก็ดี ต้องอย่าให้พนักงานเอาเรื่องของข่าวลือ หรือข่าวที่ยังไม่จริงไปคิดต่อ และลือกันต่อๆ กันไปนะครับ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลเสียอย่างมากมายต่อการบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัท เรื่องที่ต้องระวังอย่าให้พนักงานคิดกันไปเองมีอะไรบ้างมาดูกันครับ
- อัตราการขึ้นเงินเดือนประจำปี เรื่องนี้ หลายบริษัทมักจะเปิดเผยตัวเลขอัตราเฉลี่ยออกมา และอีกหลายบริษัทก็ไม่ค่อยบอกอะไร จะรู้ก็ต่อเมื่อถึงวันที่เงินเดือนออก แต่สำหรับบริษัทที่มีนโยบายเปิดตัวเลขอัตราการขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยของตนเองให้พนักงานทราบนั้น จะต้องระวังให้ดีในการบอกนะครับ เพราะหลายๆ ครั้งบอกไปว่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์การขึ้นเงินเดือนของบริษัทเราคือ 5% สิ่งที่พนักงานที่ได้ยินมักจะคิดก็คือ ตนเองจะต้องได้ขึ้น 5% ตามที่บริษัทบอก แต่พอถึงวันขึ้นเงินเดือนจริงๆ เอาตัวเลขมาคำนวณดู ปรากฎว่าได้ไม่ถีง 5% พนักงานคนนั้นก็จะรู้สึกแย่ทันที ซึ่งจริงๆ แล้วที่บริษัทบอกนั้นเป็นตัวเลขเฉลี่ย ไม่ใช่ทุกคน
- โบนัสประจำปี นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พนักงานมักจะเข้าใจ และคิดกันไปเองอย่างมาก ระยะหลังๆ มานี้ หลายบริษัทได้กำหนดการจ่ายโบนัสตามผลงานของพนักงานที่ออกมาแต่ละปี ซึ่งก็แปลว่า พนักงานแต่ละคนจะได้โบนัสที่ไม่เท่ากัน พอบริษัทประกาศว่า ปีนี้เราจะให้โบนัสเฉลี่ย 3 เดือน พอพนักงานได้ยินปุ๊ป ก็คิดกันไปเองว่าปีนี้เราจะต้องได้ 3 เดือน พอถึงเวลารับสลิปเงินเดือนเดือนสุดท้ายของปี ปรากฎว่าโบนัสที่ออกมาได้ไม่ถึง 3 เดือน ก็มานินทา และกล่าวหาว่าบริษัทไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพนักงาน ซึ่งจริงๆแล้วบริษัทประกาศว่า “เฉลี่ย” 3 เดือน ไม่ใช่ทุกคน
- การปรับค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่มักจะทำให้พนักงานคิดกันไปเองเกือบทั้งบริษัทก็เคยเกิดมาแล้ว เป็นผลเนื่องมาจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ของทางภาครัฐ ซึ่งทำให้บริษัทต้องประกาศว่าเราจะปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ซึ่งพอประกาศออกไป สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ พนักงานทุกคนทุกระดับ ก็จะคิดกันไปเองว่า ตนจะต้องได้รับการปรับด้วย เพราะค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศมีการปรับขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ค่าจ้างขั้นต่ำนั้นใช้สำหรับพนักงานที่เป็นแรงงานไร้ฝีมือ แต่แรงงานที่มีฝีมืออยู่แล้ว และเงินเดือนสูงมากๆ อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปรับอะไรทั้งสิ้น แต่พนักงานกลับคิดกันไปเองว่าตนเองจะต้องได้ปรับเช่นกัน
- การ Lay off พนักงาน เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พนักงานมักจะนำมาคุยกันและคิดกันไปเอง บางครั้งบริษัทมีผลประกอบการที่ไม่ดี ประสบกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก และพยายามที่จะลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งก็มีบางครั้งที่มีการพูดคุยกันไปเองในเรื่องของการลดพนักงานลง ทั้งๆ ที่บริษัทยังไม่มีประกาศอะไรออกมาเลย ขวัญกำลังใจของพนักงานก็เริ่มระส่ำระส่าย กลัวว่าตนเองจะต้องถูกปลด หรือไม่ก็เริ่มที่จะหางานใหม่ ซึ่งทำให้บริษัทก็จะเสียพนักงานมือดีไป เพราะคนกลุ่มนี้มักจะไปได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่น
ผลก็คือ ขวัญและกำลังใจของพนักงานจะกระเจิงกันไปหมด ผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ ผลกระทบต่อผลงานของบริษัทในภาพรวม ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทยังต้องหาใครมาอธิบายสื่อสารกับพนักงานในสิ่งที่ถูกต้องอีก ซึ่งถ้าปล่อยให้พนักงานคิดกันไปเองนานๆ เข้า พอมีคนมาอธิบาย พนักงานก็จะเริ่มไม่เชื่อ และคิดว่าบริษัทกำลังหาข้ออ้าง
ดังนั้นถ้าจะให้เรื่องเหล่านี้ไม่ปัญหาตามมา อย่าลืม สื่อความให้ชัดเจน ให้พนักงานส่วนใหญ่เข้าใจตรงกับที่บริษัทต้องการจะสื่อ แล้วปัญหาในการบริหารทรัพยากรบุคคลก็จะน้อยลงครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น