วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

ผู้จัดการงานบุคคล กับ ผู้จัดการสายงาน มุมมองที่แตกต่าง



วันนี้จะขอเอางานวิจัยของบริษัทที่ปรึกษาใหญ่แห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับเรื่องของการสร้างความผูกพันของพนักงานในองค์กรมาให้อ่านกัน บริษัทที่ปรึกษาที่ว่านี้ก็คือ Gallup นั่นเองครับ เผื่อจะได้เป็นไอเดียในการจะทำไปประยุกต์ใช้กับองค์กรของเราได้ครับ

ผู้จัดการงานบุคคล กับ ผู้จัดการสายงาน มุมมองที่แตกต่าง

 

มีโอกาสได้ไปประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของหลายๆ องค์กรในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ ก็ทำให้ได้เปิดหูเปิดตา และเปิดมุมมองต่างๆ ของผู้บริหารในแต่ละองค์กร ซึ่งต่างก็มีวิสัยทัศน์ และมีมุมมองต่อธุรกิจของตนเองอย่างมากมาย มีโครงการที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และต่อยอดจากของเดิมๆ ซึ่งถือได้ว่าผู้บริหารระดับสูงที่มีฝีมือขององค์กรนั้น จะต้องมีสิ่งเหล่านี้เสมอ เพราะจะต้องนำพาธุรกิจของตนเองให้เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

หัวหน้าที่แย่ ทำให้ลูกน้องแย่ไปด้วย



หัวหน้างานหลายคนอาจจะไม่เคยสังเกตว่า ตนเองมีส่วนที่ทำให้ลูกน้องอยากทำงาน หรือไม่อยากทำงาน มีส่วนทำให้ลูกน้องเกิดความเครียดในการทำงานได้ อีกทั้งยังมีผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของพนักงานอีกด้วย ท่านที่เป็นหัวหน้างานอาจจะสงสัยว่า นี่เวอร์เกินไปหรือเปล่า คำตอบก็คือ ไม่เลยครับ ในชีวิตจริงนั้น มีพนักงานที่ต้องเครียด และเกิดปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต ในการที่จะต้องทำงานกับหัวหน้างานแย่ๆ ถึง 60% นับว่ามากมายเลยทีเดียว

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

ยังมีอีกหรือ วิธีการบริหารค่าจ้างเงินเดือนแบบนี้

 
ผมเคยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับระบบบริหารค่าจ้างเงินเดือนไว้หลายประเด็นทั้งในแง่ดี และแง่ไม่ดี ซึ่งส่วนใหญ่ก็คาดหวังว่าน่าจะทำให้ท่านผู้อ่านที่เป็น HR ได้ประโยชน์และสามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้กับบริษัทของตนเองได้ ซึ่งก็จะช่วยทำให้ระบบค่าตอบแทนสามารถที่จะสร้างแรงจูงใจ และสร้างความเป็นธรรมให้กับพนักงานในองค์กรได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถดึงดูดและรักษาพนักงานที่เป็นคนเก่งให้ทำงานกับองค์กรได้นั่นเอง

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

องค์กรที่ประสบความสำเร็จ เขาบริหารคนกันอย่างไร

 

องค์กรที่มีระบบการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ดี จะทำให้องค์กรมีผลงานที่ดีกว่า องค์กรที่มีระบบบริหารทรัพยากรบุคคลที่ไม่ดี มีผลการวิจัยมากมายที่ทำขึ้นมาเพื่อที่จะพิสูจน์ประโยคข้างต้น ล่าสุดได้มีงานวิจัยของ The World Federation of People Management Associations (WFPMA) and the Boston Consulting Group (BCG) ได้ทำการวิจัยองค์กรต่างๆ กับการบริหารคนขององค์กร เพื่อที่จะดูว่า การบริหารคนกับความสำเร็จขององค์กรนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

วิธีการทำให้พนักงานรู้สึกว่าเขามีคุณค่าสำหรับเรา

 

จากที่ได้เขียนเรื่องของวิธีการสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงาน เพื่อให้พนักงานอยากที่จะทุ่มเทการทำงาน เพื่อให้งานออกมาดีขึ้นเรื่อยๆ นั้น ผมก็ได้รับคำถามมาจากท่านผู้อ่านว่า แล้วจะมีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าเขามีคุณค่าสำหรับเรา และเรากำลังให้ความสำคัญกับเขาอยู่ วันนี้ก็เลยเอาวิธีการต่างๆ ที่จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าเราในฐานะหัวหน้ากำลังให้ความสำคัญกับเขา

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

การสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน เพื่อสร้างผลงานที่ดีขึ้น

 
 หลักการหนึ่งในการบริหารทรัพยากรบุคคล และในการเป็นหัวหน้างานที่ดีที่มักจะมีการสอนกันอยู่เสมอ ก็คือ การสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงาน ใครก็ตามที่ผ่านการเรียนในเรื่องของการบริหารจัดการ จะต้องได้เรียนเรื่องของการสร้างแรงจูงใจมากันทุกคน และจริงๆ แล้วการศึกษาเรื่องของแรงจูงใจในการทำงานก็มีอยู่ตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่ลงตัวสักทีว่า อะไรกันแน่ที่เป็นปัจจัยที่สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานได้

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

วิธีง่ายๆ ที่ทำให้พนักงานเกิดความผูกพันกับการทำงานในองค์กร

 

เวลาฝ่ายบุคคล หรือผู้จัดการสายงานที่ได้รับมอบหมายให้มาสัมภาษณ์ผู้สมัครงาน ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งผู้สัมภาษณ์จะมีการเตรียมการมาก่อน ก็คือ อาจจะมีการเตรียมตั้งคำถามกันมาก่อนล่วงหน้า เพื่อที่จะสอบถาม และตรวจสอบผู้สมัครงานว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานที่เรากำลังเปิดรับสมัครอยู่หรือไม่ รวมทั้งมีการประเมินคำตอบที่ได้มาด้วยว่า ถ้าตอบในลักษณะไหน จะมีความหมายว่าอย่างไร และจะรับไม่รับ หรือจะสอบถามเพิ่มเติมอย่างไร

วิธีง่ายๆ ที่ทำให้พนักงานเกิดความผูกพันกับการทำงานในองค์กร

 

ทุกวันนี้องค์กรส่วนใหญ่มักจะพูดถึงเรื่องว่า จะทำอย่างไรให้พนักงานเกิดความรู้สึกผูกพันกับองค์กร และรู้สึกถึงความผูกพันกับการทำงานของตนเองมากกว่านี้ เนื่องจากมีข้อพิสูจน์ และผลการวิจัยจากบริษัทที่ปรึกษาหลายแห่งที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าพนักงานในองค์กรเกิดความรู้สึกผูกพัน (Engagement) ต่อองค์กร ก็จะส่งผลต่อผลงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม ถ้าพนักงานรู้สึกแย่ และขาดความรู้สึกผูกพันกับองค์กรและงานที่ทำ ผลก็คือผลงานจะแย่ลงเรื่อยๆ ซึ่งก็จะส่งผลต่อผลงานขององค์กรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

เอาผลประโยชน์ ณ วันนี้ หรือ รออีกนิดเพื่อสิ่งที่ดีกว่า

 

ปัจจุบันนี้ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้เวลาจะทำอะไรก็เร็วขึ้น ไม่ต้องรอเหมือนสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการส่งจดหมาย ซึ่งในอดีตนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 7 วันกว่าจะได้รับคำตอบกลับมาจากจดหมายที่เราเขียนไป แต่ปัจจุบันเราสามารถส่งข้อความหรือจดหมายไปกลับโดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาที

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

การเลือกและบริหารคนเก่งให้ได้ผล ต้องทำอย่างไร

 
ในยุคปัจจุบันคงปฏิเสธได้ยากว่า เรื่องของการบริหารทรัพยากรบุคคลนั้นทวีความสำคัญมากขึ้น และมีผลต่อความสำเร็จขององค์กรอย่างมาก องค์กรใดที่ขาดทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ ก็จะแข่งขันกับคนอื่นยากขึ้น ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้หลายๆ องค์กรต่างก็ต้องการคนเก่งคนดีเข้ามาทำงาน ซึ่งก็ตกเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลที่จะต้องหาวิธีสรรหาคัดเลือกเอาคนเก่งคนเดีที่เหมาะสมกับองค์กรเข้ามาทำงานให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็คงต้องมีวิธีการรักษาคนเก่งคนดีเหล่านี้ไว้ด้วย ไม่ใช่บริหารแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ไปวันๆ อย่างที่หลายๆ องค์กรกำลังทำอยู่

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

พฤติกรรม 5 ประการของหัวหน้าที่พนักงานรับไม่ได้เลย



สถานที่ทำงานเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คนเราต้องอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ เรียกได้ว่าเป็นบ้านแห่งที่สองก็ว่าได้ สำหรับบางคนที่ต้องทำงานมากว่า 10 ชั่วโมงต่อวันนั้น สถานที่ทำงานถือเป็นบ้านหลังที่หนึ่งเลยทีเดียวครับ เพราะใช้เวลาอยู่บ้านตัวเองน้อยกว่าที่ทำงานเสียอีก แล้วที่ทำงานแบบไหนที่เราไม่ค่อยจะอยากอยู่ ได้มีโอกาสอ่านงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ทำโดยการให้พนักงานในองค์กรตอบคำถามว่า พฤติกรรมของหัวหน้างานหรือผู้บริหารในองค์กรแบบไหนบ้างที่เรียกว่ารับไม่ได้แน่นอนที่จะทำงานด้วยและคะแนนเป็นเอกฉันท์เลยนะครับ ก็คือ 100% ตอบว่ารับไม่ได้จริงๆ ลองมาดูกันนะครับว่ามีอะไรบ้าง

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

สร้างความกลัว หรือ ให้ความชื่นชมกับพนักงาน อันไหนจูงใจผลงานได้ดีกว่ากัน

 

พูดถึงเรื่องของการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานนั้น ปกติก็จะมีอยู่ 2 แนวทางใหญ่ ก็คือ การสร้างแรงจูงใจทางบวก กับการสร้างแรงจูงในในทางลบ แบบไหนที่จะได้ผลดีกว่ากัน ผมเคยลองถามคำถามนี้กับกลุ่มหัวหน้าและและผู้จัดการต่างๆ ร้อยทั้งร้อยตอบกว่า การสร้างแรงจูงใจทางบวกมีผลดีมากกว่าทางลบ แต่ทำไมยังคงมีผู้จัดการที่เน้นการสร้างแรงจูงใจในเชิงลบเหลืออยู่อีกล่ะครับ

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

ตวาด และขึ้นเสียงกับลูกน้อง ผลร้ายแรงกว่าที่คิด

 

ท่านที่เป็นหัวหน้า และผู้จัดการทั้งหลาย ไม่ทราบว่าเคยขึ้นเสียง หรือตวาดพนักงานใต้บังคับบัญชาบ้างหรือไม่ครับ บางคนอาจจะไม่เคยเลย บางคนอาจจะเคยบ้าง และบางคนอาจจะทำบ่อยๆ วันละหลายๆ ครั้ง ผมเองเคยเจอกับตัวเองมาเลยครับ ผู้บริหารบริษัทหนึ่งคุยกับผมอยู่ในห้องประชุม พอลูกน้องขอเข้าพบเพื่อที่เอางานมาให้ลงนาม ผู้บริหารท่านนี้อ่านจบ ก็ตวาดเสียงดังใส่ลูกน้องคนนี้ทันที เพราะว่าเจอที่ผิด พร้อมกับโยนเอกสารลงพื้น และบอกให้ไปทำมาใหม่ ผมเห็นลูกน้องคนนั้นก้มหน้าหนีด้วยความอาย และรีบเดินออกไปจากห้องประชุมโดยไม่ได้สอบถามเลยว่าตรงไหนที่ผิด และจะต้องแก้ไขตรงจุดไหนบ้าง

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

ผู้บริหารระดับสูงกับการบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กร

 
ในอดีตงานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กรนั้น หรือเราเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า การบริหารบุคคล (ยังไม่มีคำว่าทรัพยากรเข้ามา) หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า Personnel Management นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นภาพของงานบุคคลในเชิง Admin มากหน่อย เช่นเป็นผู้รวบรวมจัดเก็บจัดหาข้อมูลต่างๆ ทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ซึ่งผู้บริหารระดับสูงเองก็ไม่ได้มองว่าเป็นหน่วยงานที่สำคัญอะไรมากนัก บางองค์กรไม่มีหน่วยงานนี้เลยด้วยซ้ำไป และมักจะไปฝากไว้กับฝ่ายบัญชี

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

ที่บอกว่าให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล เชื่อได้สักแค่ไหน



เมื่อพูดถึงทรัพยากรบุคคล ก็มักจะเป็นสิ่งที่ผู้บริหารหลายๆ คนบอกกับเราว่า เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด เราขาดคนไม่ได้เลย เพราะจะทำให้งานของเรามีปัญหาทันที ก็เลยทำให้แนวโน้มของการบริหารทรัพยากรบุคคลในบ้านเรานั้นสำคัญขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ดี การที่ผู้บริหารกล่าวว่าเราจะให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคลนั้น ต้องมาพิจารณาในทางปฏิบัติด้วยว่า สิ่งที่พูด กับสิ่งที่ทำนั้นไปด้วยกันสักแค่ไหน ลองอ่านเหตุการณ์ต่อไปนี้ดูนะครับ แล้วท่านคิดอย่างไร

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

เมื่อไหร่ที่เราควรจะปรับปรุงระบบบริหารค่าจ้างเงินเดือน



ทุกองค์กรที่มีการว่าจ้างพนักงานเข้ามาทำงาน ล้วนแล้วแต่ต้องจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงาน พนักงานเองก็คาดหวังว่าองค์กรจะต้องจ่ายค่าจ้างให้เขาตามที่เขาควรจะได้ ในกรณีที่เราจ้างพนักงานคนเดียว การบริหารค่าจ้างเงินเดือนก็จะไม่ยาก เพราะไม่มีคนอื่นให้เปรียบเทียบ เราจะจ่าย จะขึ้นเงินเดือนเท่าไหร่นั้น ไม่เป็นปัญหาว่าจะเกิดความขัดแย้งภายในเลย เพราะมีพนักงานแค่เพียง 1 คนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง องค์กรไม่สามารถจ้างพนักงานเพียงคนเดียวได้ ดังนั้น เมื่อมากคนก็มากความ ยิ่งเรื่องของการบริหาค่าจ้างค่าตอบแทนด้วยแล้ว ถ้าองค์กรของเราไม่มีระบบในการจ่ายค่าจ้างเงินเดือนที่เป็นธรรมแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ขวัญกำลังใจของพนักงานก็จะเริ่มหดหายไปเรื่อยๆ

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

บทบาทของผู้จัดการในการบริหารคน



การเป็นผู้จัดการที่จะต้องบริหารงานให้ได้ตามเป้าหมายที่องค์กรมอบหมายมานั้น เราจะต้องบริหารความสำเร็จผ่านคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเรา ผู้จัดการจะต้องบริหารคนเพื่อให้เขาสร้างผลงานที่ดี เพื่อให้ผลงานของเราดีไปด้วย เราลองมาดูบทบาทสำคัญๆ ของคนที่เป็นผู้จัดการในการบริหารคนว่า มีบทบาทอะไรกันบ้าง
  • เป็นพี่เลี้ยง บทบาทของพี่เลี้ยงก็คือ การให้คำแนะนำในการใช้ชีวิตในการทำงาน คอยบอกคอยชี้ทางที่ถูกต้องเหมาะสมให้กับลูกน้องของเราเอง
  • เป็นครู บทบาทนี้ก็คือ เป็นผู้อบรมสั่งสอนเพื่อให้พนักงานเดินไปในทางที่ถูกที่ควร และทำหน้าที่คล้ายๆ ครูที่เป็นผู้พัฒนาลูกน้องให้เก่งขึ้น และช่วยให้เขามีอนาคตที่ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะในองค์กรของเรา หรือต่างองค์กร
  • เป็นผู้ปกครอง เป็นบทบาทในการดูแลเรื่องของระเบียบวินัยในการทำงาน และการอยู่ร่วมกันระหว่างพนักงานด้วยกันเอง เป็นคนบอกว่าอะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้
  • เป็นคนกลาง บทบาทนี้เป็นเรื่องของการไกล่เกลี่ยปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในทีมงานของเราเอง จะต้องทำตัวเป็นกาวใจ ที่คอยเชื่อมทีมงานไว้ด้วยกัน และเป็นเสมือนศิราณี ที่คอยให้คำปรึกษาปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานด้วยกันเอง เพื่อให้ทีมงานเกิดความกลมเกลียวกันในการทำงานและการอยู่ร่วมกันในองค์กร
  • เป็นเชียร์ลีดเดอร์ บทบาทนี้ก็คือ เป็นผู้ที่คอยให้กำลังใจ และคอยส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของพนักงาน เมื่อพนักงานพบกับความยุ่งยากและอุปสรรคในการทำงาน ก็จะคอยให้กำลังใจ และยืนเคียงข้างพนักงานเพื่อให้พนักงานมีพลังในการฟันฝ่าอุปสรรคในการทำงานให้ได้
  • เป็นโคช บทบาทนี้เป็นบทบาทที่สำคัญในปัจจุบัน เป็นคนที่ต้องสามารถดึงเอาจุดแข็งของพนักงานออกมาให้ได้ และพัฒนาต่อยอดจุดแข็งให้สามารถส่งเสริมการทำงานของเขา เพื่อให้ลูกน้องเราเก่งขึ้น และสามารถที่จะรับผิดชอบงานที่ยากขึ้นได้ รวมทั้งสามารถมองเห็นจุดอ่อนของพนักงาน และช่วยหาวิธีการในการปิดจุดอ่อนนั้น หรือช่วยพัฒนาจุดอ่อนนั้นไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน
ในการเป็นผู้จัดการหรือหัวหน้างานที่ดีนั้น ไม่ใช่จะเน้นแค่การบริหารงานให้ได้ตามเป้าหมายเท่านั้น โดยไม่สนใจว่าคนที่เป็นลูกน้องเราจะรู้สึกอย่างไร เราต้องดูแลพนักงานที่อยู่ใต้เราด้วย เพราะอย่าลืมนะครับว่า ผลงานของเราในฐานะผู้จัดการ ล้วนมาจากผลงานของลูกน้องเราแต่ละคนมาประกอบกันทั้งสิ้น

 ถ้าเราไม่สามารถบริหารคนที่เป็นลูกน้องให้ยินดีที่จะทำงานกับเราอย่างเต็มใจ และพอใจได้แล้ว ผลงานของเราในฐานะผู้จัดการก็จะไม่เกิดขึ้นเลย

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

การแก้ไขปัญหาการบริหารทรัพยากรบุคคลให้ได้ผล



เมื่อวานนี้ได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาของการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ถูกแก้ไขแบบไม่ค่อยถูกต้องนัก ผลก็คือทำให้ปัญหาเหล่านั้นยังคงอยู่ และยิ่งฝังรากลึกขึ้นเรื่อยๆ (อ่านบทความเก่า “ปัญหาการบริหารทรัพยากรบุคคลที่แก้ไขไม่ตรงจุด” http://wp.me/pBmlU-X2) วันนี้ก็เลยจะมาแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ปัญหาที่เกิดขึ้นถูกแก้ไขได้ตรงจุด

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

เวลาหายไปไหนหมด


บางคนทำงานหามรุ่งหามค่ำ และมักจะบ่นว่า ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย วันๆ ทำแต่งาน ก็เข้าข่ายที่เรียกว่า Work Hard แต่ทำไมบางคนเราถึงรู้สึกว่า เขามีเวลามากมายในแต่ละวัน และสามารถทำผลงานออกมาได้อย่างต่อเนื่อง แถมยังมีเวลาในการพัฒนาตัวเอง พักผ่อน ไปเที่ยว ฯลฯ ได้อย่างสบายๆ ทั้งๆ ที่ทุกวันเราก็มีเวลาเท่ากันทุกคนก็คือ วันละ 24 ชั่วโมง แล้วเราก็เรียกคนกลุ่มนี้ว่า Work Smart
เรื่องของการบริหารเวลานั้น เป็นปัญหาของคนเราทุกคน เป็นศิลปะในการจัดการกับชีวิตตนเอง คำว่าบริหารเวลาจริงๆ แล้วเราไม่ได้ไปบริหารเวลาที่มีอยู่เลย เราบริหารการใช้เวลาของเราเองต่างหาก เพราะทุกคนมีเวลาเท่ากันคือวันละ 24 ชั่วโมง ดังนั้นใครที่สามารถจัดการกับการใช้เวลาของตนเองได้อย่างดี เขาก็จะมีเวลาทำอะไรอย่างอื่นได้มากขึ้น แล้วทำไมบางคนถึงมักจะชอบพูดว่า “ไม่มีเวลา” เราลองมาดูสาเหตุกันนะครับ
  • ไม่มีการทำรายการที่จะต้องทำในแต่ละวัน คนที่ไม่สามารถบริหารเวลาของตนเองได้ดี สาเหตุแรกก็คือเวลาทำงานในแต่ละวันไม่มีการทำรายการว่าในวันนี้จะต้องทำอะไรบ้าง หรือที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า To do list ผลก็คือ ทำโน่นนิด นี่หน่อย เวลามีใครขอให้ทำ หรือช่วยอะไร ก็ทำไปเรื่อย สุดท้ายก็ไม่เสร็จสักอย่าง บางคนมีการทำ to do list ไว้อย่างชัดเจนแปะไว้ที่โต๊ะบ้าง หรือใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถควบคุมตนเองให้ทำงานตามรายการที่กำหนดไว้ได้เลย กลายเป็นเอาเวลาไปทำอย่างอื่นหมด
  • ไม่มีการตั้งเป้าหมายและความสำเร็จของงานและของตัวเอง ปกติถ้าเรามีการตั้งเป้าหมายในการทำงานของตนเองไว้อย่างชัดเจนแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ เราจะกำหนดแผนงาน และเวลาในการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่เราต้องการ ในการทำงานก็เช่นกัน ถ้าเราไม่มีการกำหนดเป้าหมายความสำเร็จของงานไว้ล่วงหน้า เราก็จะมองไม่เห็นว่างานไหนสำคัญกว่างานไหน เราก็มักจะทำงานที่ง่ายกว่าก่อน เก็บงานที่ยากๆ ไว้ทีหลัง ผลสุดท้ายก็คือ เหลือแต่งานยากๆ ในเวลาที่เหลือน้อยลง
  • ไม่มีการจัดลำดับความสำคัญของงาน หลายคนมักจะทำงานที่อยากทำก่อน แต่เป็นงานที่ไม่มีความสำคัญมากนัก เช่นทุกเช้าจะต้องเช็คอีเมล์ อ่าน Facebook ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานเลย บางครั้งก็เลยเถิดกันไปจนไปกินเวลาในการทำงานปกติ ซึ่งก็ทำให้เวลาในการทำงานที่สำคัญๆ น้อยลงไปอีก
  • ไม่สามารถจัดการกับสิ่งกระทบรอบๆ ตัวได้ บางคนเวลาที่มีใครคุยกัน หรือทำอะไรข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องหยุดงานที่ทำ แล้วไปคุย และไปทำอะไรกับเขาด้วย บางครั้งมีโทรศัพท์จากเพื่อนเข้ามาเวลางาน ก็ทำให้เราต้องหยุดงาน และถ้าเราไม่สามารถควบคุมสิ่งกระทบเหล่านี้ เราก็จะเลยเถิดอีกเช่นกัน ก็คือเพลิดเพลินไปกับสิ่งรอบข้างที่เข้ามาหาเรา โดยลืมไปว่าสิ่งที่สำคัญกว่าคืออะไร สุดท้ายก็หมดเวลา
  • ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง คนที่ไม่สามารถบริหารการใช้เวลาของตนเองได้มีสาเหตุหลักอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง เช่นเห็นว่า งานยังไกลจากกำหนดเสร็จ ก็ยังไม่ลงมือทำทั้งๆ ที่ก็ยังพอมีเวลาทำ แต่กลับเลื่อนไปเรื่อยๆ จนถึงวันใกล้กำหนด ก็มาเร่งทำ แล้วก็มาบ่นว่า “ไม่มีเวลา”
  • ปฎิเสธคนอื่นไม่เป็น คนแบบนี้เวลาที่มีใครมาขอให้ทำอะไร ทั้งงานตัวเอง และไม่ใช่งานตัวเอง ก็ตอบรับไว้ทั้งหมด โดยไม่พิจารณาว่า เวลาที่เรามีอยู่กับงานของเราเองนั้นมีเพียงพอหรือไม่ แต่ด้วยความเกรงใจ และไม่อยากให้คนอื่นมองเราไม่ดี ก็เลยรับไว้ทั้งหมด บางคนรับจนเรียกกว่าทำอะไรไม่ถูกเลยก็มี สุดท้ายก็ทำไม่เสร็จสักงาน กลายเป็นว่าคนอื่นก็มองเราไม่ดีอยู่ดี เพราะรับปากแล้วทำไม่ได้ตามที่ตกลงไว้
5 ปัจจัยข้างต้นก็คือสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เวลาของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป ใครที่สามารถบริหารจัดการกับกิจกรรมของตนเองได้อย่างดี ก็จะมีเวลาเหลือที่จะทำอย่างอื่นอีกมากมาย ในทางตรงกันข้ามใครที่ไม่สามารถควบคุมการใช้เวลาของตนเองได้ ปล่อยให้เป็นไปตามความสบาย หรือตามความต้องการของตนเอง สุดท้ายเราก็จะไม่เหลือเวลาในการทำสิ่งที่สำคัญกว่า

จากประสบการณ์ของผมเอง การที่เราจะบริหารการใช้เวลาของตนเองได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพนั้น มีเคล็ดลับอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือ “Self-Discipline” หรือแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า “วินัยในตนเอง” ควบตัวเองได้ตามรายการที่ทำไว้ ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ทำตามแผนงานที่กำหนด สุดท้ายเราจะเหลือเวลาในการพักผ่อนและใช้ชีวิตกับครอบครัวได้อีกเยอะครับ 

วันนี้คุณมีเวลาเหลือบ้างหรือเปล่าครับ

คุณจัดการกับความขัดแย้งอย่างไร

 

ปัจจุบันนี้กลุ่มธุรกิจ SME ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพยากรบุคคลมากขึ้น โดยมีการวางระบบระเบียบในการบริหารทรัพยากรบุคคลขึ้นมา เพื่อใช้ในองค์กร แต่อย่างไรก็ดี ปัญหาต่างๆ ในการบริหารทรัพยากรบุคคลก็ยังคงเกิดขึ้นเสมอ บางองค์กรก็พยายามคิดหาแนวทางมากมายในการแก้ไขปัญหา แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้ ก็ได้แต่สรุปว่า มันเป็นเรื่องของการบริหารคน ดังนั้น ก็เลยแก้ไขยาก และแก้ไขไม่ได้ จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นปัญหากันต่อไป